วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เลือกประเภทหน้าจอแบบไหนให้เหมาะสมกับการใช้งาน



                 ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์ได้กลายมาเป็นส่วนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการทำงานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็ก หรือองค์กรใหญ่ก็ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นส่วนใหญ่ ทำให้วัน ๆ หนึ่งมีหลาย ๆ คนต้องนั่งอยู่กับหน้าจอคอมเป็นเวลานานหลายชั่วโมง แหละถ้าหากหน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงผลออกมาไม่สมบูรณ์แบบทั้งสีและภาพก็อาจจะทำให้เราหมดอารมณ์ในการทำงานไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นการเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญรองลงมาจาก CPU เลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเราควรรู้จักประเภทหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มากขึ้นเพื่อจะได้เลือกเอามาใช้ให้เหมาะสมกับใช้งานของตัวเองให้ได้มากที่สุด พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ
                ประเภทหน้าจอคอมพิวเตอร์

1. จอคอมพิวเตอร์แบบ CRT (Cathode Ray Tube Monitor) – เป็นจอคอมพิวเตอร์รุ่นแรกของคอมพิวเตอร์ก็ว่าได้ (จอคอมพิวเตอร์สีขาวขนาดใหญ่ๆ น่ะ) แสดงสัญญาณภาพแบบอนาล๊อกซึ่งได้รับการพัฒนามาจากจอโทรทัศน์ในสมัยนั้น ผู้ริเริ่มสร้างจอคอมพิวเตอร์แบบนี้ได้แก่ บริษัทไอบีเอ็มนั่นเอง จอคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ยังไม่สามารถแสดงกราฟฟิกต่างๆ ได้เหมือนปัจจุบัน ทุกวันนี้จอคอมพิวเตอร์แบบ CRT ไม่เป็นที่นิยมแล้วเพราะว่ามีจอคอมพิวเตอร์แบบใหม่มาทดแทนคุณสมบัติด้านการแสดงผลที่ดีกว่า

2. จอคอมพิวเตอร์แบบ LCD (Liquid Crystal Display) – เป็นจอคอมพิวเตอร์รุ่นที่สองต่อจากจอแบบ CRT เป็นจอคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กโดยมีหลักการแสดงผลโดยใช้วัสดุประเภทผลึกเหลวมาใส่ไว้ในผิวของกระจก ปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลวเพื่อปิดกั้นแสงเมื่อมีสนามไฟฟ้านำ จึงทำให้เกิดสีขึ้น ข้อดีที่เห็นได้ชัดของจอคอมพิวเตอร์ LCD คือประหยัดพลังงานมากกว่า CRT แต่ข้อเสียก็คือจอ LCD มีมุมมองสำหรับการเห็บภาพค่อนข้างแคบ

3. จอคอมพิวเตอร์แบบ LED (Light-emitting-diod) – ถือเป็นจอคอมพิวเตอร์ล่าสุด โดยมีการแสดงผลที่ไม่ยุ่งยากและสลับซับซ้อนเท่าไหร่ ด้วยการนำหลอด LED มาเรียงกันเป็นแถวและภาพต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจากการติด-ดับของหลอด LED ทำให้เกิดภาพและสีที่ชัดเจนกว่าจอคอมพิวเตอร์แบบอื่น ๆ จอคอมพิวเตอร์แบบ LED นั้นยังไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของมุมมองและอัตราการตอบสนองของภาพที่ไวกว่าจอ LCD แถมยังประหยัดไฟได้ดีกว่าอีกด้วย

                แหละไม่ว่าคุณจะชอบหรือจะเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบไหนอีกสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลยคือการดูแลสุขภาพดวงตาของคุณในระหว่างใช้งานคอมพิวเตอร์ ควรหาวิธีป้องกันไม่ให้สายตาโดนแสงจากหน้าจอคอมโดยตรงเพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสายตาของคุณได้ ควรหาแว่นกรองแสงมาใส่หรือเอาต้นกระบองเพชรมาวางตรงหน้าจอเพื่อให้ช่วยลดแสงที่จะส่งมาถึงสายตาของเราโดยตรง หรืออาจจะติดตั้งฟิล์มกรองเเสงก็ได้ค่ะ

#จอคอมพิวเตอร์

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

3 อันดับ smart tv ราคาโดน ๆ ลูกเล่นอีกเพียบ



                ทุกวันนี้เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นไปจากเดิมเยอะมากแทบจะทุก ๆ อย่าง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความจำเป็นกับการใช้ชีวิตประจำวันของทุก ๆ คน อย่างมาก หนึ่งในนั้นที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็น่าจะเป็น ทีวี ที่เอาไว้ดูข่าวสารหรือละครเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเกือบทุกบ้าน หลัง ๆ มาได้มีการพัฒนาให้ทีวีทำในสิ่งต่าง ๆ ให้ได้มากขึ้นกว่าเดิมขึ้นไปอีกอย่าง smart tv ที่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้เยอะกว่า ทีวี ทั่วไปมาก แถม smart tv ราคาก็ไม่แพงทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก แถมยังมีให้เลือกหลากหลายแบบอีกด้วย แต่วันนี้เราคัดมา 3 อันดับ smart tv ตัวเด็ด ๆ ราคาโดน ๆ เอามาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ มาดูกันเลย

3  อันดับ smart tv ราคาโดน ๆ ลูกเล่นเพียบ

1.TCL 50 UHD Android Smart TV รุ่น LED50F3800
TCL Smart TV รุ่นนี้มาพร้อมกับความกว้างของหน้าจอขนาด 50 นิ้ว และสามารถแสดงผลภาพด้วยความคมชัดระดับสูงสุดอย่าง Ultra HD ได้มากถึง 3840 x 2160 พิกเซล ซึ่งเป็นระดับความคมชัดที่ช่วยให้ภาพออกมาดูสมจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติมากที่สุด รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ภายนอกผ่านช่องเสียบสาย HDMI และ USB ได้อีกด้วย
ราคา : 13,900

2. Samsung 49 UHD 4K Curved Smart TV รุ่น MU6300
ขั้นกว่าของนวัตกรรมเทคโนโลยีในการรับชมโทรทัศน์จาก Samsung smart tv ราคาคุ้มค่าขนาด 49 นิ้ว ที่เพิ่มความพิเศษเข้าไปด้วยการออกแบบหน้าจอทรงโค้ง (Curved) สมาร์ททีวีจาก Samsung ยังถูกออกแบบให้หน้าจอแสดงผลภาพความละเอียดสูงสุดถึง 4K UHD พร้อมคุณสมบัติ PurColor ที่ช่วยปรับแต่งสีให้มีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากที่สุด รวมไปถึงฟังก์ชั่น Auto-Depth Enhancer ซึ่งเป็นระบบปรับความลึกหรือมิติของภาพให้มีความคมชัด เพื่ออรรถรสในการรับชมอย่างไร้ขีดจำกัด รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการที่ใช้งานได้ง่าย ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น ‘Smart View’ ที่รองรับกับมือถือสมาร์ทโฟนทุกระบบ ให้คุณสามารถเลือกออพชั่นต่าง ๆ ของสมาร์ททีวีได้ผ่านสมาร์ทโฟนของคุณเอง อีกทั้งยังควบคู่มากับระบบอัจฉริยะ Smart Hub ที่จะช่วยรวบรวมทุกรายการที่ตรงกับความสนใจของคุณให้มาแสดงผลในหน้าเดียว เพื่อง่ายต่อการเลือกชมได้อย่างอิสระ และสั่งการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยรีโมทอัจฉริยะที่รองรับการสั่งการผ่านระบบเสียงโดยตรง แถมยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ได้ด้วยระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติอีกด้วย
ราคา : 29,490

3. Sharp 40″ FHD Smart TV รุ่น LC-40LE380X
Sharp FHD Smart TV ใช้ระบบ Aquos LED ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความคมชัดของภาพอย่างยอดเยี่ยม และยังช่วยเพิ่มระดับความสว่างรวมทั้งค่าของสีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีความคมชัดสมจริง ผ่านหน้าจอแบบ 4K Ultra HD ที่ละเอียดถึง 3,840 x 2,160 พิกเซลเลยทีเดียว มีฟังก์ชั่น Dolby Digital Plus ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพเสียงตามหลักระบบ Dolby ให้รองรับอัตราบิทที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความคมชัดและมิติของเสียงมีคุณภาพมากขึ้นด้วยพร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่าย รองรับการใช้งานกับ Netflix, Youtube หรือ Web Browser ต่าง ๆ เพียงเชื่อมต่อ wifi เข้ากับสมาร์ททีวีที่ติดตั้งตัวรับสัญญาณไวไฟมาให้ในตัว และที่สำคัญสมาร์ททีวีรุ่นนี้ยังช่วยประหยัดค่าไฟในแต่ละเดือนของคุณได้ด้วยระบบประหยัดพลังงาน Super Eco Mode ช่วยลดการใช้พลังงานลงได้เกือบเท่าตัว
ราคา : 17,499

                แหละทั้งหมดนี้ก็คือ smart tv ที่เราภูมิใจนำเสนอ ถึงแม้ว่า  smart tv ทั้ง 3 รุ่นนี้จะมีราคาสูง ก็ไม่ต้องกลัวไปนะคะเพราะเดี๋ยวนี้มีโปรโมชั่นลดเยอะมาก สามารถเปลี่ยนจาก smart tv ราคาแพง ๆ เป็นถูก ๆ ได้ภายในพริบตา จากหลักหมื่นเหลือหลักพันก็มีค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมี smart tv รุ่นอื่น ๆ อีกเพียบ ใครที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมหรือหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ตามแหล่งความรู้ต่าง ๆ ได้เลย แหละถ้าจะให้ดีถามคนที่ใช้งานในรุ่นนั้น ๆ ที่เราสนใจจะได้ข้อเท็จจริงหรือผลรับที่ดีต่อตัวเรามากที่สุดค่ะ

#smart tv ราคา

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2562

samsung note 10 และ samsung note 10+ กับสเปคเครื่องดี ๆ ที่ลงตัวในยุคนี้



                 ทุกวันนี้โทรศัพท์แทบจะกลายเป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะวันหนึ่งเราต้องใช้โทรศัพท์ทำงานเยอะมากทั้งการทำงานและการคลายเครียดโดยการเล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง ส่องข่าวในโซเชียลต่าง ๆ เฉลี่ยวัน ๆ หนึ่งไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง จึงไม่แปลกเลยที่หลาย ๆ คนเลือกที่จะลงทุนไปกับการซื้อโทรศัพท์ในราคาที่สูงเพื่อให้ได้โทรศัพท์ที่ดี มีคุณภาพต่อการใช้งานดีที่สุด จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ออกมาต้องคอยคิดค้นและผลิตโทรศัพท์ให้ออกมาตรงกับความต้องการใช้งานให้ได้มากที่สุด นี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ผลิตโทรศัพท์ค่ายใหญ่ของเกาหลีที่กำลังจะเปิดตัว samsung note 10 และ samsung note 10+ ออกมาเร็ว ๆ นี้ เชื่อว่าต้องมีใครหลาย ๆ คน รอคอยการเปิดตัวรุ่นนี้กันเยอะแน่ ๆ และคงอยากรู้ถึง สเปค samsung note 10 , สเปค samsung note 10+ กันแล้วใช่ไหมค่ะ ว่าจะมีอะไรเด็ด ๆ ออกมาต่างจากรุ่นก่อน ๆ อย่างไรบ้าง ถ้าอยากรู้แล้วเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                สเปค samsung note 10 , สเปค samsung note 10+ มีดียังไงบ้าง

Samsung Galaxy Note 10
·         หน้าจอแสดงผลขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+
·         ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) แบบ Snapdragon 855+ หรือ Exynos 9825 (ขึ้นอยู่กับกลุ่มประเทศที่วางจำหน่าย)
·         หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
·         หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุเริ่มต้น 256GB
·         กล้องหน้ามีฟีเจอร์ถ่ายภาพเซลฟี่กลางคืนแบบ Night Mode
·         กล้องดิจิทัลด้านหลังขจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้องเลนส์ซูม Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้องเลนส์ Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
·         ไม่มีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
·         ไม่มีปุ่ม Bixby
·         แบตเตอรี่ขนาด 3500mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 25W
·         มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สีดำ, สีขาว และสีแดง

Samsung Galaxy Note 10+
·         หน้าจอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD+
·         ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) แบบ Snapdragon 855+ หรือ Exynos 9825 (ขึ้นอยู่กับกลุ่มประเทศที่วางจำหน่าย)
·         หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB
·         หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุเริ่มต้น 256GB
·         กล้องหน้ามีฟีเจอร์ถ่ายภาพเซลฟี่กลางคืนแบบ Night Mode
·         กล้องดิจิทัลด้านหลังขจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้องเลนส์ซูม Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้องเลนส์ Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และกล้อง ToF Camera สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น
·         ไม่มีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
·         ไม่มีปุ่ม Bixby
·         แบตเตอรี่ขนาด 4300mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 45W
·         มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สีดำ, สีขาว และสีไล่เฉด (Crystal Gradient)

จะเห็นได้ว่า สเปค samsung note 10 และ สเปค samsung note 10+ ได้มีการนำเอาซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Snapdragon 855+ หรือ Exynos 9825 เอามาใช้ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นและสามารถประหยัดพลังงานได้ดีกว่าเดิม รวมไปถึงขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ ทำให้ดูหนังและเล่นเกมส์ได้ฟินกว่าเดิมแถมยังมีระบบชาร์จไฟให้เร็วกว่ารุ่นก่อน ๆ อีกด้วย โดย samsung note 10 รองรับระบบชาร์จเร็ว 25W ส่วน samsung note 10+ รองรับระบบชาร์จเร็ว 45W เริดสุด ๆ ค่ะ ยังไม่หมดนะคะยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกเยอะมาก รับรองว่าถ้าคุณได้คอบครองแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน

#สเปค samsung note 10 , สเปค samsung note 10+

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เคล็ดลับในการเลือกซื้อเคสโทรศัพท์อย่างคุ้มค่าที่สุด




                เคสโทรศัพท์จัดว่าเป็นของที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีโทรศัพท์ราคาแพง ๆ จำเป็นที่จะต้องใส่เคสโทรศัพท์เพื่อป้องกันไม่ให้มีรอยขีดข่วน รวมถึงกันกระแทกเวลาที่โทรศัพท์หล่น ให้มีความเสียหายน้อยที่สุดกับตัวเครื่อง ซึ่งในปัจจุบันเคสโทรศัพท์ก็มีหลากหลายมากให้เราได้เลือกซื้อนำมาใช้ มีตั้งแต่ราคาหลักสิบจนถึงหลักพันกันเลยทีเดียว  แหละวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเคสโทรศัพท์แต่ละอย่างให้มากขึ้นรวมไปถึงเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อเคสโทรศัพท์ให้ได้ตรงกับความต้องการใช้งานเอามาฝากทุก ๆ คนด้วยพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ

                ประเภทของเคสโทรศัพท์

1.เคสแบบอ่อน ยืดหยุ่นได้ (Soft Case) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ซิลิโคน และ TPU (Thermoplastic Polyurethanes) เคสโทรศัพท์ชนิดนี้เป็นที่นิยมกันมาก เนื่องจากหาซื้อง่าย ราคาถูก มีความยืดหยุ่นที่สูงมาก  มีลวดลายให้เลือกได้มากมาย และยังสามารถพิมพ์ลวดลายลงบนเคสประเภทนี้ได้ อีกทั้งเคสโทรศัพท์ชนิดนี้ยังรองรับแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย

2. เคสแบบแข็ง (Hard Case) ทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกันไป อาจจะเป็นพลาสติก หรือว่า Polycarbonate เคสโทรศัพท์แบบนี้ได้รับความนิยมรองมาจากแบบแรก ข้อดีก็คือ แข็งแรง ทนทาน ไม่ค่อยเป็นรอยเท่าไหร่ ยึดเกาะกับตัวเครื่องได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณภาพของเคสโทรศัพท์แบบนี้ไม่ดี อาจจะทำให้ตัวเครื่องเป็นรอยได้ง่าย ๆ เช่นกัน  แบ่งตามวัสดุที่ผลิตได้เป็น 2 ประเภท พลาสติก (Plastic) และอลูมิเนียม (โลหะ) (Aluminuim)สำหรับ เคสอลูมิเนียมนั้น มักจะมีปัญหาเรื่องสัญญาณต่าง ๆ ดังนั้น ควรศึกษารายละเอียดจากเว็บไซท์ผู้ผลิต ว่าได้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวหรือไม่

3. Hybrid Case (การผสมผสานกัน) คือการนำข้อดีของแต่ละประเภทของเคสมือถือ มารวมกัน ส่วนมากจะเป็นเคส พลาสติก + ซิลิโคน เช่น จับกระชับมือ  รับแรงกระแทกได้ดี ไม่มีฝุ่นเกะ ฯลฯ

4. เคสแบบหนัง (Leather Case) เป็นเคสโทรศัพท์ที่สามารถอัพเกรดให้มือถือดูดี หรูหรา มีสไตล์ได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากทำจากหนังสัตว์ หรือหนังสังเคราะห์ ซึ่งป้องกันการขีดข่วนได้เป็นอย่างดี แต่ความสามารถในการซึมซับแรงกระแทกอาจจะต่ำ หากทำตกโทรศัพท์มือถืออาจได้รับความเสียหายได้ นอกจากนี้ ต้องมีการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี เหมือนเครื่องหนังประเภทอื่น ๆ อย่าง กระเป๋า เข็มขัด นาฬิกาสายหนัง เป็นต้น

เคล็ดลับในการเลือกซื้อเคสโทรศัพท์

1.หาเคสโทรศัพท์ที่ตัวรัดกับขอบโทรศัพท์เป็นยาง, ซิลิโคน หรือวัสดุใกล้เคียงที่นุ่ม และยืดหยุ่นได้ เพราะพลาสติกแบบแข็งจะกัดตัวเครื่อง (แค่ใส่คาไว้เฉย ๆ ก็กัด)

2. อย่าซื้อเคสที่มันรัดกับตัวเครื่องมากเกินไป

3.เลือกระหว่าง Soft Case ซึ่งจะบาง และเบา แต่ไม่ปกป้องโทรศัพท์จากการตกกระแทกเท่าไหร่กับ Hard Case ซึ่งจะหนา และหนักกว่า แต่ป้องกันโทรศัพท์จากการตกกระแทกได้ผลชัดเจน

4.ยอมเสียเงินเพียงครั้งเดียวซื้อยี่ห้อดี ๆ คุณภาพดี ๆ

5.ลองใส่เคสโทรศัพท์ก่อนซื้อ ว่าใส่ขึ้นมาแล้วถูกใจหรือไม่ จับถนัดมือไหม

6.เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อทุกครั้ง เนื่องจากปัจจุบัน เคสโทรศัพท์มีจำหน่ายมากมายและหลากหลายราคา

                จะเห็นได้ว่าเคสโทรศัพท์แต่ละชนิดก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สุดท้ายจะเลือกเคสแบบไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบ ความต้องการใช้งาน รวมถึงราคาที่เหมาะสมและประโยชน์ที่จะได้รับเป็นหลักนะคะ

#เคสโทรศัพท์

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562

การเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมมือถือที่คุ้มค่าต่อการซื้อ




                 ทุกวันนี้มือถือได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ทุกคนไม่สามารถขาดได้ เพราะด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ มากมายในมือถือที่ช่วยให้การใช้ชีวิตมีสะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งในมือถือ 1 เครื่องก็จะมีอุปกรณ์ มือถือ อีกหลายอย่างที่จำเป็นต่อผู้ใช้งานและขาดไม่ได้ อย่าง สายชาร์จมือถือ และหูฟัง เป็นต้น แหละนอกจากอุปกรณ์หลัก ๆ แล้วก็ยังมีอุปกรณ์ มือถือ เสริมอย่างอื่นอีกมากมายที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเรามากขึ้นไปอีก ว่าแต่จะมีอุปกณ์แบบไหนบ้างนั้นตามเรามาดูกันเลยค่ะ

                อุปกรณ์ มือถือที่ควรมีเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

1.เคสมือถือ
เชื่อว่าแทบทุกคน ที่มีมือถือ หรือพึ่งซื้อมือถือเครื่องใหม่ ล้วนแล้วต้องมองหาเคสใส่มือถือ กันแทบจะทันทีที่ออกจากร้าน เพื่อหาตัวช่วยป้องกันรอยขีดข่วนให้กับตัวเครื่อง ซึ่งเคสมือถือ เปรียบเสมือน อุปกรณ์เสริมมือถือ ที่ขาดไม่ได้เลย เคสมือถือเอง ก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบหนัง แบบใส แบบหุ้มตัวเครื่อง และอีกหลายรูปแบบ หลายดีไซน์ ให้ได้เลือกซื้อ เลือกหา มาใส่มือถือของเรา

2.ไม้เซลฟี่
ขาเที่ยว ที่ชอบ แช๊ะ & แชร์ พลาดไม่ได้ กับอุปกรณ์เสริมมือถือ ชิ้นนี้ นั้นคือไม้เซลฟี่ อุปกรณ์ที่จะช่วยเพิ่มความสนุก ในการถ่ายภาพให้มากยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณได้ภาพมุมมองใหม่ ๆ ที่แปลกตามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเก็บภาพมุมกว้าง ภาพหมู่ ภาพคุณกับสถานที่ ให้สวยแบบจัดเต็ม ซึ่งไม้เซลฟี่ มีหลายขนาด และหลายฟังก์ชั่น ทั้งมีรีโมทในตัว และไม่มีรีโมท เพื่อใช้กดถ่ายภาพให้สะดวกมากยิ่งขึ้น

3.คลิปหนีบเลนส์เสริม
สำหรับใครที่อยากได้ประสบการณ์ ใหม่ ๆ ของการถ่ายภาพ ด้วยกล้องมือถือ เพื่อให้ได้มุมมองใหม่ ๆ แปลกตา ต้องนี่เลย คลิปหนีบเลนส์เสริมกล้องมือถือ ที่จะทำให้คุณ สามารถถ่ายภาพ ด้วยมุมมอง เลนส์ฟิชอาย หรือเลนส์ซูม ได้ไกลมากยิ่งขึ้น ด้วยอุปกรณ์เสริมมือถือ ชิ้นนี้ จะทำให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น เสมือนคุณถ่ายด้วยกล้องโปร ราคาหลักแสน แต่ในความเป็นจริงแค่ใช้อุปกรณ์เสริม ราคาหลักร้อย คุ้มค่าสุด ๆ

4.พาวเวอร์แบงค์
อันนี้ขาดไม่ได้เลย สำหรับคนชอบเดินทาง หรือคนที่ติดมือถือ ไม่ว่าจะ แชท แชร์ เปิดอินเตอร์เน็ตทั้งวัน หรือ เล่นเกมส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้แบตเตอร์รี่มือถือ นั้นหมดไว ซึ่งหลายคนนั้น แบตมือถือ อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ ทั้งที่มาตรฐานควรจะอยู่ได้จนถึงเย็น ทำให้หลายคนพลาดโอกาสในการติดต่อธุระสำคัญ ซึ่งอุปกรณ์เสริมมือถือ ตัวนี้ จะมาเป็นตัวช่วย ให้คุณไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งหาปลั๊ก กันให้วุ่น เพราะแบตหมด แค่พกพาวเวอร์แบงค์ ติดตัวไปด้วย เท่านี้คุณก็หมดกังวล เรื่อพลาดการสื่อสารไปได้เลย

5.หูฟังบลูทูธ
หลายคนอาจไม่ชอบหูฟังมีสาย ที่แถมติดมากับโทรศัพท์ เนื่องด้วยสายที่ชอบพันกัน รู้สึกไม่สะดวกในการใช้งาน จึงอาจจะมองหาหูฟังไร้สายมาใช้แทน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกมาก ๆ เพราะคุณสามารถใช้งานโดยไม่ต้องกลัว สายขาด หรือสายพันกันได้ ซึ่งหูฟังบลูทูธ นั้นมีหลายรุ่น หลายรูปทรง ให้เลือกซื้อมาใช้งานกันได้ตามความชอบ

                เชื่อเลยว่า อุปกรณ์ มือถือที่เสริมเข้ามา 5 อย่างนี้ คนที่ใช้งานมือถือต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 ข้อนี้อย่างแน่นอน บางคนอาจจะมีครบทั้ง 5 ข้อนี้เลยก็ได้ เพราะอุปกรณ์เสริมแต่ละอย่างก็ล้วนมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไปตามความต้องการใช้งาน ถ้าอยากได้ความสะดวกในทุกที่ทุกด้าน แนะนำว่าควรซื้ออุปกรณ์เสริมทั้ง 5 อย่างนี้เอาติดไปด้วยรับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

#อุปกรณ์ มือถือ