วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2562

3 อันดับรุ่นสมาร์ทโฟน กล้องสวย ที่คุ้มค่าต่อการใช้งาน



                ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าผู้คนต่างใช้โทรศัพท์ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งทำงาน ดูหนัง ถ่ายรูป ฟังเพลง เล่นเกมส์ จัดได้ว่าโทรศัพท์นั้นทำได้ทุกอย่างจริง ๆ โดยเฉพาะกล้องถ่ายรูปของโทรศัพท์ที่จัดว่ามีคุณมากสูงมากดีไม่ดีคุณภาพอาจจะเหนือกว่ากล้องจริง ๆ หลายยี่ห้อก็เป็นไปได้ และนอกจากกล้องชัดแล้วในโทรศัพท์ก็ยังสามารถโหลดแอพแต่งรูปต่าง ๆ มาแต่งให้รูปนั้นสวยและดูดีขึ้นได้อีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยที่เดี๋ยวนี้จะมีหลายคนเลือกที่จะซื้อโทรศัพท์รุ่นที่เน้นเรื่องกล้องถ่ายรูปสวยเยอะมากซึ่งจะมีสมาร์ทโฟนกล้องสวยของรุ่นไหนและแบรนด์ไหนบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

                3 อันดับรุ่นสมาร์ทโฟน กล้องสวย ที่คุ้มค่าต่อการใช้งาน

1.Samsung Galaxy Note 10 Plus
เริ่มกันเครื่องแรกกับสมาร์ทโฟนที่กำลังเป็นที่พูดถึงมากที่สุดกับ Samsung Galaxy Note 10 Plus ที่เลื่องชื่อว่าเป็นโทรศัพท์มือถือที่กล้องชัดที่สุดในตอนนี้เลยค่ะ  Galaxy Note 10 Plus ได้รับคำชมอย่างดีเรื่องการใช้พื้นที่โทรศัพท์ได้คุ้มค่ากว่าเดิมจากความกว้างของหน้าจอถึง 6.8 นิ้ว แถมเครื่องยังบางกว่าและเบากว่า Galaxy Note 9 ไปอีก  ส่วนคุณสมบัติของกล้อง Galaxy Note 10 Plus มาพร้อมกับกล้อง 4 ตัว อัพเกรดจาก Galaxy Note 9 ที่มีกล้องแค่ 2 ตัว กล้อง 2 ตัวที่เพิ่มขึ้นมาของ Galaxy Note 10 Plus คือกล้องมุมกว้าง ultrawide และเซนเซอร์เก็บความลึกของภาพ ที่สร้างความโบเกต์หรือหน้าชัดหลังเบลอให้ยิ่งดียิ่งขึ้น กล้องตัวนี้บอกเลยว่าเหมาะมาก สำหรับคนถ่ายภาพแนว portrait ค่ะ

2. Huawei P30 Pro
นับตั้งแต่เปิดตัวมาก็สร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยสำหรับ Huawei P30 Pro ที่รุ่นล่าสุดกว่า P20 แล้วมีพัฒนาการที่ชัดเจนกว่าจริง ๆ ค่ะ โดยมาพร้อมกับหน้าจอ 6.47 นิ้ว และขนาดเครื่องที่สามารถถือได้ด้วยมือเดียว สำหรับกล้อง Huawei P30 Pro รุ่นนี้เคลมมาตั้งแต่เปิดตัวว่า ความซูมคือจุดเด่นของเขา โดยซูมได้ 10 เท่า! โดยใช้เทคโนโลยี AI ช่วยตรวจจับสิ่งที่อยู่ในภาพและโฟกัส เพิ่มความคมชัดให้กับรายละเอียดของวัตถุที่ซูม และการป้องการการสั่นไหวหรือ Optical Image Stabilisation (OIS) ซึ่งทั้งหมดมาควบคู่กันกับความละเอียดของกล้อง 40 megapixel รูรับแสง  f/1.6 wide-angle camera เพิ่มความโบเกต์หน้าชัดหลังเบลอของภาพ เป็นกล้องที่ถ่ายภาพ portrait ได้ดีพอ ๆ กับกล้องโปร ถ่ายออกมาเผลอ ๆ แล้วแทบแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นกล้องมือถือค่ะ

3. iPhone XS Max
ถึงจะเปิดตัวมาด้วยราคาชวนปาดเหงื่อ แต่ถ้าอยากได้โทรศัพท์ถ่ายรูปสวยละก็ iPhone XS Max เป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่าเงิน ด้วยกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซลที่ไม่ทำให้ผิดหวัง เลนส์หลักรูรับแสง f/1.8  ส่วนเลนส์ตัวที่สองจะแคบลงหน่อย โดยมีรูรับแสง f/2.4 ซูมภาพคมชัด ได้ 2 เท่าแบบพร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว OIS และซอฟท์แวร์ภายในที่ช่วยประมวลผลให้ภาพสวยงามสมจริงที่สุด  ถ้าจะเซลฟี่ก็มีเอฟเฟคต์แสงไฟให้ไปเลือกกันตามชอบ DXOMARK ถึงกับบอกว่า iPhone XS Max มีกล้องมือถือที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทดสอบมาเลยทีเดียว และนี่คือผลงานภาพถ่ายกลางแจ้งแสงเปรี้ยงของ Iphone XS Max


                นอกจากสมาร์ทโฟน กล้องสวย ทั้ง 3 รุ่นนี้แล้วก็ยังมีอีก 1 รุ่นที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ iPhone 11 Pro ที่เพิ่งจะเปิดตัวออกมาของบอกเลยว่าตัวนี้เด็ดมากเพราะมีกล้องถึง 3 ตัวและโหมดกลางคืนถ่ายออกมาได้สวยมากซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยคือเดือนตุลาคม 2019 นี้ หากใครมีงบมากพอก็จัดเลยค่ะ

#สมาร์ทโฟน กล้องสวย 

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2562

3 อันดับ ลำโพง Bluetooth คุณภาพดีที่ควรใช้


               ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีเทคโนโลยีหลายอย่างมากที่ถูกพัฒนาออกมาให้ใช้ร่วมกับ Bluetooth ได้ซึ่งช่วยให้การใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ราบลื่นขึ้นกว่าที่เคยเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์อย่างลำโพง Bluetooth ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็ชอบฟังเพลงด้วยกันทั้งนั้น การฟังเพลงนั้นช่วยให้อารมณ์ดี คลายเครียด ผ่อนคลาย และให้ความสนุกสนานยิ่งถ้าได้เปิดเพลงที่ชอบเสียงดัง ๆ แล้วหละก็จะยิ่งเพิ่มความสุขให้กับเราได้มากยิ่งขึ้นไปอีก แหละที่สำคัญสะดวกง่ายต่อพกพาอีกด้วย หากใครที่สนใจและกำลังตามหา  ลำโพง Bluetooth ยี่ห้อดี ๆ สักตัวเอาไว้ใช้งานแล้วหละก็ตามเรามาทางนี้เลย เพราะเราได้คัดสรรคุณภาพและยี่ห้อที่คิดว่าดีที่สุดแล้วเอามาฝากให้กับทุก ๆ คนไว้ที่นี้แล้ว พร้อมแล้วมาดูกันจ้า

3        อันดับ ลำโพง Bluetooth คุณภาพดีที่ควรใช้

1.JBL Flip 3
นับว่าเป็นหนึ่งในลำโพง Bluetooth เสียงดี ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักการผจญภัยนอกบ้านเลยก็ว่าได้ เพราะตัวลำโพง JBL ถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักที่เบาเพียงแค่ 0.45 กิโลกรัม แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพการผลิตที่รับประกันได้เลยว่า การผจญภัยและทุก ๆ การท่องเที่ยวของคุณ จะเต็มอิ่มไปด้วยเสียงเพลงและรสชาติความสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา ตัวลำโพง JBL มีการใช้วัสดุอย่างดีช่วยป้องกันละอองน้ำได้ดีในทุกสภาพอากาศ อีกทั้งยังให้ย่านเสียงที่คมชัดตั้งแต่เบส กลาง ไปจนถึงย่านแหลม ผ่านระบบเสียงสเตอริโอ ที่ช่วยให้มิติของเสียงกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางแต่ยังคงความคมชัดไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ลำโพง Bluetooth JBL ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านบลูทูธได้พร้อมกันถึง 3 เครื่อง นอกจากนี้ตัวลำโพง Bluetooth JBL ยังถูกบรรจุด้วยไมโครโฟนรับเสียงสำหรับติดต่อสื่อสารผ่านตัวลำโพง พร้อมระบบที่ช่วยซัพพอร์ตการสนทนาให้คมชัดยิ่งขึ้นด้วย Echo และ Noise Cancellation  และด้วยแบตเตอร์รี่แบบชาร์จไฟขนาด 3,000 mAh ทำให้ลำโพง JBL ตัวนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสุดถึง 10 ชั่วโมงเต็ม จากระยะเวลาการชาร์จทิ้งไว้แค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น

2. Bose SoundLink Micro Bluetooth speaker
นับว่าเป็นการขยับนวัตกรรม ลำโพง Bluetooth ให้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ด้วยตัวลำโพงที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ แถมยังมาพร้อมกับคุณสมบัติในการใช้งานที่ตอบโจทย์คนที่ชอบทำกิจกรรมหนัก ๆ หรือชอบการเพลงขณะปั่นจักรยานทางไกลด้วยผลงานจากค่าย Bose  ตัวลำโพง bose มีน้ำหนักเพียงแค่ 290 กรัม ทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของลำโพง Bluetooth ที่พกพาได้สะดวกมากที่สุด แถมยังมาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำได้ในระดับ IPX7 ไม่ว่าลำโพง bose จะตกลงไปในสระ หรือโดนฝนสาดกระหน่ำ คุณก็ไม่ต้องเกรงว่าระบบวงจรภายในจะช็อตแต่อย่างใด  สามารถเชื่อมต่อเข้ากับแอพฯ Bose Connect เพื่อแชร์การเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ของคนอื่น ๆ ได้พร้อม ๆ กัน หรือจะใช้โหมดสเตอริโอเพื่อฟังเพลงออกจากสองลำโพงก็ได้เช่นกัน

3. Sony ลำโพง Bluetooth ไร้สายแบบพกพา รุ่น SRS-XB20
ลำโพงบลูทูธรุ่นนี้พร้อมที่จะให้คุณได้สัมผัสกับย่านเสียงเบสที่อัดแน่นจัดเต็มแต่ไม่บวมจนเกินไปจากเทคโนโลยี Extra Bass ของ Sony ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพย่านเสียงต่ำให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมผสานเข้ากับเทคโนโลยี Clear Audio ที่ช่วยควบคุมคุณภาพเสียงให้ออกมาครบทุกรายละเอียด  อีกทั้งยังรองรับระบบ Party Chain เพื่อเพิ่มอถรรสในการฟังเพลงเป็นหมู่คณะหรือในงานปาร์ตี้ได้ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับลำโพงพร้อมกันสูงสุด 10 ตัว และยังรองรับการเชื่อมต่อกับลำโพงรุ่นอื่น ๆ ของ Sony ที่มีระบบ Party Chain เช่นเดียวกัน และยังรองรับการควบคุมเพลงหรือไฟที่แสดงออกจากลำโพงผ่านแอพฯ Sony | Music Center ได้อีกด้วย  นอกจากจะรองรับการเชื่อมต่อเข้ากับ Bluetooth แล้ว ตัวลำโพง Bluetooth Sony ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่าน NFC และสาย Aux สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่มีบลูทูธได้ด้วย และไม่ต้องกลัวว่าบลูทูธแบบพกพาจะเกิดอาการช็อตง่ายจากละอองน้ำ เพราะตัว ลำโพง Bluetooth รุ่นนี้รองรับการกันน้ำในระดับ IPX5 ซึ่งโดยรวมแล้วต้องถือว่าเป็นลำโพง Bluetooth เสียงดีอีกตัวหนึ่งเลยก้ว่าได้ค่ะ


                แหละทั้งหมดนี้ก็เป็น ลำโพง Bluetooth 3 ยี่ห้อที่เราภูมิใจนำเสนอและเอามาฝากให้กับทุก ๆ คนมาก หวังว่าคงจะถูกใจกันนะคะ โดยเฉพาะสายตืด สายตี้ ของบอกเลยค่ะว่าควรมี เพราะรับรองได้เลยค่ะ ว่ามันจะช่วยให้การฟังเพลงของคุณสนุกเพิ่มขึ้นเยอะกว่าเดิมอย่างแน่นอน

#ลำโพง Bluetooth

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562

6 เหตุผลที่ควรเลือกใช้ทีวีจอโค้งมากกว่าทีวีจอธรรมดา

                เคยสงสัยกันไหมค่ะ ว่าทำไมผู้ที่ผลิตทีวีออกมาทำไมถึงเลือกผลิตทีวีจากหน้าจอธรรมดามาเป็นทีวีจอโค้งทั้ง ๆ ที่หน้าจอทีวีธรรมดาน่าจะตอบโจทย์การดูมากกว่าทีวีจอโค้ง คงมีหลายคนที่สงสัยกันแบบนี้ และอาจจะยังลังเล ว่าทำไมถึงต้องไปใช้ ทีวีจอโค้งมากกว่าทีวีจอธรรมดาแบบเดิม และประโยชน์ของมันมีมากพอที่จะทำให้ต้องเปลี่ยนหรือไม่ ซึ่งหากใครอยากรู้แบบกระจ่างแล้วล่ะก็ตามเรามาทางนี้เลยค่ะ เพราะเราได้รวบรวม 6 เหตุผลหลักที่ได้จากการใช้ทีวีจอโค้งเอามาฝากให้กับทุก ๆ ด้วย พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ

                6 เหตุผลที่ควรเลือกใช้ทีวีจอโค้งมากกว่าทีวีจอธรรมดา

1. ทีวีจอโค้งจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูทีวี
เหตุผล: ในโลกของความเป็นจริงนั้น คุณไม่ได้มองเห็นภาพต่าง ๆ เป็นลักษณะแบน ๆ เหมือนกับเวลาดูทีวี ‘จอแบน’ เพราะโดยธรรมชาติแล้วดวงตาของเราจะมีความกลมเพื่อให้มองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัว ดังนั้นความโค้งของจอทีวีจะช่วยให้อรรถรสของการรับใกล้เคียงกับการมองเห็นภาพตามจริงยิ่งขึ้นไปอีก

2. คุณจะรู้สึกถึงการรับชมที่กว้างขึ้นในแบบฉบับ Curved TV
เหตุผล: ด้วยความโค้งของจอที่ด้านข้างทั้งสองด้าน ทีวีจอโค้งจะให้ความรู้สึกของภาพในมุมที่กว้างกว่าทีวีจอแบนทั่ว ๆ ไปในขณะรับชมเพราะจอโค้งที่ครอบคลุมรัศมีการมองเห็นของลูกตา จึงทำให้ได้รับมิติในการรับชมที่สมจริงมากยิ่งขึ้นและกว้างมากขึ้น ไม่รู้สึกเหมือนภาพถูกตัดแบบทีวีจอธรรมดา

3. บริเวณริมขอบจอแบบโค้งจะให้ความชัดเจนมากกว่าทีวีธรรมดา
เหตุผล: เพราะจอภาพโค้งจะมีการไล่ภาพตามความโค้งของกระจกตาได้ดีกว่าจอภาพแบบแบน บริเวณริมภาพจึงให้ความคมชัดมากกว่าจอธรรมดา และจุดเด่นนี่เองที่ยิ่งจอใหญ่มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งครอบคลุมรัศมีการมองเห็นเป็นมุมโค้งตามกระจกตาได้ดียิ่งขึ้น

4. คุณจะรู้สึกได้ถึงความลึกของภาพ
ความรู้สึกแรกของการรับชมผ่านทีวีจอโค้งที่ทุกคนมักพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพ 3 มิติ
เหตุผล:  เพราะจอภาพแบบโค้งจะทำให้ภาพมีการไล่ระดับความลึก (ตรงกลางของจอภาพจะเว้าลึกลงไป และขอบจอจะตื้นขึ้นมา) จึงทำให้มีความรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพ 3 มิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทีวิจอโค้งขอ Samsung ที่มีการนำเทคโนโลยีการแสดงภาพเชิงลึกเข้ามาใช้งานในทีวีจอโค้ง ทำให้ภาพที่ได้ยิ่งดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

5. ให้สีที่ตัดกันอย่างเด่นชัดอย่างสมจริง
เหตุผล: เพราะทีวีจอโค้งมีการให้น้ำหนักสีไปที่จุดรวมสายตา หรือส่วนที่เว้าลึกที่สุดของจอ ไม่ได้กระจายน้ำหนักสีไปทั่ว ๆ จอเหมือนกับทีวีจอธรรมดา ดังนั้นความสดของสีและการตัดกันของสีที่เด่นชัดจึงทำให้ภาพที่ได้มีความสดและสมจริง

6. มุมมองการรับชมที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
ในหลาย ๆ ครั้งเราจะสังเกตว่าเวลามองทีวีจอแบนธรรมดาจากด้านข้างภาพจะดูซีด ๆ และมองไม่ชัดเจน ในขณะที่ทีวีจอโค้งนั้นแค่นั่งอยู่หน้าทีวีโดยไม่ต้องอยู่ตรงหน้าจอพอดีเป๊ะ ภาพที่ได้ก็จะยังมีความคมชัด ไม่ซีดไม่เลือน


                แหละทั้งหมดนี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้เราเปลี่ยนใจในการใช้ทีวีแบบธรรมดามาเป็นทีวีจอโค้ง ยิ่งถ้าใครที่ชื่นชอบการดูหนัง ดูซีรี่ส์ แล้วหละก็ทีวีจอโค้งเป็นคำตอบที่น่าจะโจทย์กับท่านได้มากที่สุดค่ะ

#ทีวีจอโค้ง 

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2562

3 อันดับ แท็บเล็ต กล้องชัด คุณภาพดีที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง



ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตประจำวันให้เราได้เยอะมาก อย่างเครื่องมือทำงาน สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตที่ง่ายต่อการพกพาและสะดวกต่อการใช้งานมาก ๆ โดยเฉพาะแท็บเล็ตที่ตอบสนองต่อการใช้งานสุด ๆ สามารถใช้แทนโน๊ตบุ๊คได้เลยทำได้ทั้ง วาด จด เขียน  บันทึกเสียง ถ่ายภาพ เป็นเครื่องมือที่เหมาะกับนักเรียน นักศึกษามาก เพราะจะได้ไม่ต้องพกอุปกรณ์เครื่องเขียนให้เยอะแยะวุ่นวาย เพียงแค่มีแท็บเล็ตอย่างเดียวก็แทบจะตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ที่สำคัญเดี๋ยวนี้แท็บเล็ต ถูกพัฒนาให้มีกล้องถ่ายรูปที่สามารถถ่ายรูปได้อย่างชัดมากเพื่อตอบโจทย์การชอบถ่ายรูปของคนรุ่นใหม่ แหละหากใครที่กำลังสนใจและอยากที่จะหาซื้อ แท็บเล็ต กล้องชัด คุณภาพดีสักเครื่องแล้วล่ะก็ตามเรามาทางนี้เลยเพราะเราได้รวบรวมเอามาให้ ณ ที่นี้แล้ว

3 อันดับ แท็บเล็ต กล้องชัด คุณภาพดีที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

1.Apple iPad 9.7-inch with WiFi, 128GB
มาพร้อม จอภาพ Multi-Touch แบ็คไลท์แบบ LED ขนาด9.7 นิ้ว(แนวทแยง) พร้อมเทคโนโลยี IPSชิพ A10 Fusion พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต โปรเซสเซอร์ร่วม M10 ในตัว กล้องความละเอียด8 เมกะพิกเซล บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่สำคัญมาพร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือ เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด

2. Samsung Galaxy Tab S4 10.5 นิ้ว
รุ่นนี้มาพร้อมจุดเด่นที่รองรับ 4G โทรได้ สเปคแรงและสเถียรตามสไตล์ซัมซุง เล่นเน็ตได้ทั้ง 4G และ Wifi และมาพร้อมปากกาอัจฉริยะ S-Pen เขียนได้เหมือนจริง และพิเศษมีระบบเสียงทรงพลัง ลำโพง 4 ตัว ปรับแต่งเสียงโดย AKG มาพร้อม ระบบเสียง
Dolby Atmos เสียงดัง ลำโพง 4 ตัว เล่นเกม ดูหนังฟินกันไป ที่สำคัญให้แบตเตอรี่มากถึง 7,300 mAh แบตอึดเล่นได้ทั้งวัน

3. Huawei MediaPad M5
มาดูแท็บเล็ตจาก Huawei กันบ้าง สำหรับตัวนี้สเปคแรงสะใจ Ram 4GB ROM 32GB มาพร้อมฟังค์ชั่นชาร์จไว เพียง 2 ชั่วโมงก็เต็ม แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง แถมจอใหญ่ เล่นเกม ดูหนังกันฟิน ๆ มาพร้อมแบตเตอรี่ใหญ่สะใจ 5,100 mAh

                
             เป็นยังไงบ้างค่ะ กับแท็บเล็ต กล้องชัด 3 ยี่ห้อที่เราเอามาฝากนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของยี่ห้อแท็บเล็ตที่ได้คุณภาพและมีมาตราฐานยังมีแท็บเล็ตรุ่นดี ๆ อีกเพียบที่ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติ่มได้จากแหล่งให้ความรู้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ขายแท็บเล็ตหรือในอินเตอร์เน็ตหากรู้อย่างละเอียดและได้ไปเห็นของจริงแล้วสามารถมั่นใจได้เลยว่าเงินที่ท่านเสียไปนั้นคุ่มค่ากับสิ่งที่ได้มาแน่นอน

#แท็บเล็ต กล้องชัด 

วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562

วิธีการเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด



                 ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในชีวิตปัจจุบันของเราไปแล้วก็ว่าได้ เพราะคอมพิวเตอร์ช่วยทำให้การทำงานที่ยุ่งยากกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ อย่างพวกงานเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ที่สำคัญที่สามารถเก็บได้อย่างเป็นระเบียบและง่ายต่อการค้นหาแล้วสามารถดึงเอามาใช้งานได้อย่างทันที ทำให้การทำงานหรือการใช้ชีวิตของเราสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากงานด้านเอกสารแล้วก็ยังมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกเพียบ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์  และถ้ามีสเปคเครื่องสูง คุณภาพอัดแน่นอุปกรณ์เสริมเจ๋ง ๆ ก็จะยิ่งส่งผลให้การใช้งานดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน้าจอคอมพิวเตอร์ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเพราะการทำงานเราต้องดูงานที่เราทำผ่านหน้าจอหากคุณภาพเครื่องดีแต่หน้าจอสีผิดเพี้ยน หน้าจอไม่ชัด ก็จะทำให้ผู้ใช้งานหงุดหงิดและไม่อยากทำงานก็เป็นไปได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงเอาวิธีในการเลือกซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์มาแนะนำเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยที่จะไม่ทำให้ผู้ใช้งานผิดหวัง พร้อมแล้วมาดูกันค่ะ

                วิธีการเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

1.ขนาดหน้าจอ และความละเอียดภาพ
คนที่กำลังมองหาจอมอนิเตอร์มาใช้ ส่วนมากจะเลือกขนาดจอใหญ่เป็นอันดับแรก ทำให้ตอบสนองการทำงาน ดูหนัง หรือเล่นเกมที่ได้อรรถรสยิ่งขึ้น หากใช้งานครบเครื่องขนาดนี้ แนะนำว่าให้ซื้อขนาด 20 นิ้วขึ้นไปกำลังดีค่ะ สำหรับขนาดที่ได้รับความนิยมจะอยู่ที่ประมาณ 19-24 นิ้ว แล้วแต่ความชอบส่วนตัว และความเหมาะสมในการใช้งาน ส่วนความละเอียดของภาพสมัยนี้ก็ต้องเลือกแบบ 1920×1080 หรือ Full HD เพื่อรับชมภาพที่คมชัด และสวยงามได้อย่างเต็มตาค่ะ
2.ค่า Response Time และ Refresh Rate
ในส่วนของค่า Response Time หมายถึง ค่าความเร็วในการเปลี่ยนเม็ดพิกเซล ดังนั้นค่าความเร็วตรงนี้จึงส่งผลไปกับ “ภาพเคลื่อนไหว” ถ้าค่า Response Time ต่ำ ๆ ก็จะยิ่งทำให้เห็นภาพเคลื่อนไหวของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เช่น ลูกฟุตบอล รถแข่ง ฉากต่อสู้ นั้นมีความไหลลื่นแถมภาพยังมีความคมชัด ปัจจุบันค่า Response Time ของ TV รุ่นใหม่ ๆ นั้นมีการปรับปรุงให้ไวมากยิ่งขึ้น จากเมื่อก่อนประมาณ 16-12 ms มาถึงตอนนี้ก็ประมาณ 5-2 ms
Refresh Rate หรือเรียกกันว่า อัตราการกะพริบของหน้าจอ ถ้าค่านี้ยิ่งสูงก็ถือว่ายิ่งดีค่ะ ช่วยทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ภาพจะนิ่ง โดยปกติถ้าใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน ทำเอกสาร  พิมพ์งานทั่วๆ ไป ค่า Refresh Rate จะอยู่ที่ประมาณ 60 Hz คือ เรทปกติค่ะ
 แต่สำหรับเหล่าเกมเมอร์ โดยเฉพาะคนที่เล่นเกมแนว FPS (First Person Shooter) ต้องเน้นเรื่องความคมชัด และภาพหน้าจอที่มีความนิ่งสูง ก็ต้องเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ที่มีค่า Refresh Rate สูงขึ้นไปอีก ซึ่งหน้าจอรุ่นท็อปบางรุ่นสามารถปรับค่านี้ได้สูงถึง 144 Hz กันเลยทีเดียว แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน หรือถ้าใครมีงบเหลือเฟือก็จัดมาไว้ในครอบครองกันตามสะดวกเลยค่ะ
3.ลักษณะ Panel ของจอ
ปัจจุบันอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตัวนี้จะมี Panel ที่ใช้หลักๆ อยู่ 3 แบบด้วยกัน คือ IPS, VA และ TN แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ Panel แบบ IPS ค่ะ เนื่องจาก Panel นี้มีข้อดีคือ ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา (Viewing Angle 178°/178°‎‎ ทั้งในมุมแนวนอนและแนวตั้ง) ไม่ว่าจะมองหน้าจอจากมุมไหนก็จะได้ภาพที่ชัดเจน สีสดสวย สบายตา อัตราส่วนภาพไม่ผิด สีไม่เพี้ยน จึงกลายเป็นที่นิยมในตลาดอย่างมาก
สำหรับ Panel แบบ VA (Vertical Alignment) จุดเด่นที่ดีที่สุด คือ ให้สีดำที่ดำสนิทมากกว่าแบบอื่น แต่จะมีข้อเสียในเรื่องของมุมมอง จะไม่กว้างเท่าแบบ IPS เช่น ในฉากที่มีความมืด ถ้าไม่ได้นั่งอยู่ตรงกลางจอ ก็จะไม่สามารถเห็นรายละเอียดในหน้าจอได้ชัดเจนนัก
แบบสุดท้าย คือ TN (Twisted Nematic) ข้อดีคือ ราคาถูก และมีค่า Response Time ต่ำ จึงเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบของราคาไม่แพงมากนัก ซึ่งใช้ได้ดีพอควร ภาพไม่กระตุก แต่ Panel แบบนี้จะมีมุมมองการชมแคบ อัตราการผิดเพี้ยนของสีสูงด้วยค่ะ
4.พอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ (Connectivity Interface)
จอมอนิเตอร์ส่วนใหญ่จะมาพร้อมพอร์ต VGA และ DVI ซึ่งแบบหลังจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ Digital จึงทำให้ได้ภาพที่สวย และคุณภาพดีกว่า สำหรับพอร์ต VGA นั้นจะเป็นพอร์ตแบบเก่า ใช้กันมากในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก อย่างไรก็ดี เวลาเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ ควรเลือกรุ่นที่มีพอร์ตทั้ง 2 แบบนี้อยู่ในเครื่องด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่ออย่างครบครันนั่นเอง
5.ฟีเจอร์ และฟังก์ชั่นพิเศษอื่น ๆ
สำหรับฟังก์ชั่นพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Touch Screen, Webcam หรือ 3D เป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ ถ้าคิดว่าไม่ได้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้เพิ่มเติม เพราะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งคุณอาจจะใช้งานได้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค่ะ


                แต่ถึงยังไงสิ่งที่สำคัญก่อนทำการตัดสินใจเลือกซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น อย่าลืมว่าต้องสำรวจตนเองก่อนว่าต้องการใช้งานด้านใดเป็นหลัก ทำงานเอกสาร พิมพ์งานทั่วไป งานกราฟิก ดูหนัง หรือเล่นเกม เมื่อคุณรู้จุดประสงค์ในการใช้งานแล้ว ก็จะช่วยให้คุณเลือกหน้าจอที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้งานได้ดีและคุ้มค่าค่ะ

#จอคอมพิวเตอร์ 

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562

สุดยอด 3 อันดับชุดโฮมธียเตอร์ที่ดีที่สุดที่คอหนังควรมี


                 หลายคนที่เบื่อรถติดพอมีวันหยุดทีก็ชอบเลือกที่จะอยู่ห้องนอนดูหนังดูทีวีเรื่องต่าง ๆ แต่การจะดูหนังฟังเพลงให้สนุกนั้นสิ่งสำคัญเลยก็คือชุดเครื่องเสียงหรือชุดโฮมเธียเตอร์ถ้ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในห้องแล้วหละก็ จะยิ่งทำให้การอยู่ห้องมีความสุขมากขึ้นเลยหละ เพราะมันจะทำให้บรรยากาศในการดูหนังสนุกมากยิ่งขึ้นเปรียบเสมือนอยู่ในโรงหนังเลยก็ว่าได้ เชื่อว่าสำหรับคนที่ชอบการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจและไม่ชอบความวุ่นวายชอบอยู่แบบส่วนตัวแล้วหละก็คงอยากที่จะมีชุดเครื่องเสียงอย่างโฮมเธียเตอร์เอาไว้ครอบครองอย่างแน่นอน เราจึงได้ทำการคัดสรรเลือกชุดโฮมเธียเตอร์ที่ดีที่สุดเอามาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันว่ามีรุ่นไหนบ้างที่เด่นและดีควรมีไว้ครอบครองถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลยค่า

                สุดยอด 3 อันดับชุดโฮมธียเตอร์ที่ดีที่สุดที่คอหนังควรมี

1.Onkyo HT-S7805
ชุด HTiB ที่ตอบรับเสียง Surround เหนือความคาดหมาย
แม้กูรูด้าน Audio ทั้งหลายจะไม่ค่อยชอบคุณภาพชุดลำโพงที่เป็น HTiB แต่ว่าชุดลำโพงโฮมเธียเตอร์ 5.1 ch พร้อม AVR ของ Onkyo ชุดนี้เป็นชุดยอดฮิตที่ฮือฮาของหลาย ๆ คนเลยค่ะ ด้วยสเปคของ AVR ที่ดูเกินราคาให้กำลังไม่ต่างจากแบบซื้อแยกชุด จึงสามารถควบคุมเสียงและสร้างพลังเสียงได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังถอดสัญญาณภาพได้ถึงระดับ 4K เลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลำโพงที่รองรับระบบ Surround 3มิติ ! ใหม่ล่าสุดทั้ง 2 ค่าย คือ Dolby Atmos และ DTS:X ที่สามารถยิงเสียงขึ้นเพดาน เพิ่มความสมจริงให้เหนือชั้นขึ้นอีกระดับ การเชื่อมต่อก็สามารถใช้ได้ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth,  Airplay อีกทั้งยังให้ฟังก์ชัน Auto Calibration มาด้วยเพื่อการ Set up ที่ง่ายพร้อมใช้งานเหมาะสมกับสภาพห้อง

2. Klipsch Reference Theater Pack
ชุดลำโพงโฮมเธียเตอร์ที่เหล่าหูทองอยากเป็นเจ้าของ
เขยิบจาก Sound bar ขึ้นมาอีกก็ต้องเป็นลำโพงโฮมเธียเตอร์ 5.1 ch ของ Klipsch ตัวนี้ เป็นชุดที่ออกมาแล้วทุกคนร้องว้าว! นอกจากรูปลักษณ์ที่เรียบหรูอันเป็น Signature ของ Klipsch ที่แค่ผู้เขียนเห็นก็อยากเอามาวางไว้ประดับบ้านแล้ว ขนาดลำโพงก็พอดิบพอดี ไม่ใหญ่เทอะทะ ทำให้จัดวางสะดวก คุณภาพวัสดุและเสียงก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าได้ห้าดาวมาจากหลายรีวิว ลำโพงสร้างเสียงที่เคลียร์ทุกระดับเสียง สามารถเก็บทุก ๆ รายละเอียดของเสียงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
ตัว Subwoofer เชื่อมต่อด้วยระบบไร้สาย เป็นแบบยิงเสียงลงพื้นหรือ Down-firing สร้างเสียงต่ำที่นุ่มลึกมีระดับ เหมาะกับการชมภาพยนต์ที่ต้องการเสียงสมจริง รอบทิศทาง ส่งถึงทั่วทุกมุมห้อง หรือจะฟังดนตรีแบบเป็นคอนเสิร์ตก็รู้สึกราวกับอยู่ในสถานที่จริงเลยทีเดียว

3. JBL Cinema 610
ลำโพงเพื่อคนพิถีพิถันในการสร้างระบบเสียงของตนเองในราคาไม่แพง
เรื่องคุณภาพลำโพงของ JBL นั้นเป็นผู้นำระบบเสียงสัญชาติอเมริกาที่เป็นที่ยอมรับกันดีอยู่แล้ว แม้จะไม่ถึงขั้นพรีเมี่ยมแต่ได้คำชมจากผู้ใช้จากหลายประเทศค่ะ ลำโพงชุดนี้ก็ให้เสียงครบทุก Range เสียง โดยเฉพาะเสียงสูงใส ๆ ที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นเก่า ฟังแล้วไม่ขัดหู ส่วนเสียงระดับอื่นก็เสนอเสียงหลายอารมณ์ ทั้งมีพลัง แต่นุ่มนวลไม่แพ้ใคร Subwoofer เป็น Bass reflex ให้ดื่มด่ำกับเสียงทุ้มต่ำที่หนักแน่น ยิ่งได้คู่หูที่เป็น AVR ที่ดีแล้วด้วย คาดว่าจะทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินไปกับการสร้างระบบโฮมเธียเตอร์ของตัวเองอย่างแน่นอน


                หากมีชุดโฮมเธียเตอร์แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญเลยคือการจัดวางชุดโฮมเธียเตอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยสร้างอรรถรสในการรับฟังได้ดีมากขึ้นด้วยโดยการวางตำแหน่งเราของแนะนำให้วางลำโพงหน้าบริเวณจอโทรทัศน์ข้างลำโพงหลัก ส่วนตำแหน่งซ้ายขวาของที่นั่งควรเป็นที่วางของลำโพง Surround ในขณะที่ Subwoofer อยู่ภายในบริเวณรอบข้างหรือจะให้ดีแนะนำให้วางตรงส่วนกึ่งกลางห้อง ซึ่งลักษณะการวางลำโพงแต่ละชิ้นแบบโอบล้อมที่นั่งฟังเช่นนี้ถือเป็นวิธีที่ทำให้เราฟังเสียงได้อย่างสมจริงและดื่มด่ำมากที่สุดค่ะ

#โฮมเธียเตอร์