วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรรู้ไว้ก่อนเลือกซื้อนาฬิกา บลูทูธ


ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้ทุกวันนี้การใส่นาฬิกาไม่ได้ใส่เพียงเพื่อเอาไว้ดูเวลาหรือเพื่อให้ดูดีอย่างเดียว เพราะเดี๋ยวนี้มีนาฬิกา บลูทูธ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกยิ่งขึ้น เช่น การรับส่งอีเมล์ ใช้เป็นเครื่องคิดเลข กล้องถ่ายรูป หรือใช้เป็นอุปกรณ์ในการตรวจสอบการออกกำลังกาย ตรวจสอบชีพจรของเรา รวมไปถึงการบอกเส้นทาง และฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมายที่เราสามารถเลือกใช้ได้ ซึ่งในปัจจุบันนาฬิกาออกกำลังกายในตลาดมีขายอยู่มากมาย หลากรุ่น หลายแบรนด์ รวมทั้งมีการออกรุ่นใหม่ ๆ  ออกมาเรื่อย ๆ ทำให้อาจจะลำบากใจในการเลือกซื้อได้ ดังนั้นเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเราจึงมีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เอามาฝากกับทุก ๆ คน เกี่ยวกับการเลือกซื้อ นาฬิกา บลูทูธว่าต้องดูจากอะไรบ้างพร้อมแล้วเรามาดูกันเลยค่ะ

 เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรรู้ไว้ก่อนเลือกซื้อ นาฬิกา บลูทูธ

1.การดีไซน์
ก่อนที่จะทำการหาซื้อนาฬิกา บลูทูธนั้น เราจะต้องเลือกแบบหน้าตาดีไซน์ของนาฬิกา บลูทูธก่อน ซึ่งหากได้ดีไซน์ที่ถูกใจ จะทำให้เราใส่นาฬิกา บลูทูธได้นานขึ้น เพราะนาฬิกา บลูทูธนั้นจะต้องใส่อยู่เกือบตลอดเวลาในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

2.การรองรับกับสมาร์ทโฟน
นาฬิกา บลูทูธนั้นมีหลายแบบมาให้เลือกใช้งานกันมากมาย แต่ก็ต้องเลือกว่าจะสามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนเราได้หรือไม่ โดยเฉพาะไอโฟนและวินโดวส์ ที่มีการรองรับการใช้งานได้น้อยกว่าแอนดรอยด์
ดังนั้นควรจะตรวจสอบการรองรับกับการใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟนของเราให้ดี เพราะสมาร์ทวอชหากไม่ได้จับคู่กับสมาร์ทโฟนก็เหมือนกับนาฬิกาทั่วไป และในหลาย ๆ รุ่นหากไม่ทำการจับคู่กับสมาร์ทโฟนก่อน เวลาก็อาจจะไม่ตรง หรืออาจจะใช้งานไม่ได้เลย

3. ฟีเจอร์
สมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่มักจะมีการแจ้งเตือน, ปรับหน้าตา, เล่นเพลง จากการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งสมาร์ทวอทช์ของแต่ละแบรนด์ก็จะมีฟีเจอร์เสริมที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เช่น หน้าจอทัชสกรีน, หน้าจอที่รองรับแรงกด, ปุ่มกด, หน้าปัดหมุนได้ และบางรุ่นสามารถใส่ซิมการ์ดเพื่อรับสาย, โทรออก และใช้อินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย และถ้าใครที่มองหาสมาร์ทวอชสำหรับออกกำลังกายก็จะต้องมีจีพีเอส, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจติดมาด้วย เพราะจะช่วยให้คุณไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนออกวิ่งเพื่อจับเส้นทางการออกกำลังกาย หรือคาดสายหน้าอกเพื่อดูอัตราการเต้นของหัวใจ แต่สำหรับบางรุ่นจะไม่มีมาให้ ซึ่งจะต้องซื้อสายคาดหน้าอกมาเพื่อใช้งานคู่กัน
รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นเฉพาะของแต่ละแบรนด์ที่จะมีการรวบรวมสถิติการออกกำลังกายมาให้ดูในสมาร์ทวอทช์เอง หรือดูรายละเอียดแบบเต็ม ๆ กับสมาร์ทวอทช์และคอมพิวเตอร์ได้ นอกเหนือจากนี้ควรจะต้องมีฟีเจอร์ที่กันน้ำกันเหงื่อ เพื่อใส่ออกกำลังกาย

4. แบตเตอรี่
สำหรับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในแต่ละวัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีความจุของแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน รวมถึงหน้าจอแอลซีดี หรือ หน้าจออโมเล็ตก็มีส่วนเกี่ยวกับอายุการใช้งานในแต่ละวัน ในส่วนนี้จะต้องทำการตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจซื้อ ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องหาแบตเตอรี่สำรองไว้ชาร์จกับสมาร์ทวอทช์ก็เป็นได้


เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใช้งานทราบถึงจุดประสงค์ในการใช้งานของตนเองเป็นอย่างดีและรู้ถึงข้อมูลในด้านต่าง ๆ ก่อนที่จะซื้อเป็นอย่างดีมันจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อ นาฬิกา บลูทูธ ได้ง่ายขึ้นและตอบโจทย์กับผู้ใช้งานได้ดีและคุ้มค่าที่สุดค่ะ

#นาฬิกา บลูทูธ

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2563

สมาร์ทโฟน กล้องชัดยอดฮิตที่ตอบโจทย์ในการถ่ายรูปทุกอย่าง

                  สมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะเลือกพิจารณาซื้อจากอะไรกันบ้างนะ เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีเรื่องเกี่ยวกับฟีเจอร์และกล้องแน่ ๆ เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนถูกพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งกล้องบนสมาร์ทโฟนบางรุ่นนั้นยังมีประสิทธิภาพแทบจะเทียบเท่ากับกล้องโปรเลยก็ว่าได้ พูดเกริ่นมาขนาดนี้เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าจะมีโทรศัพท์รุ่นไหนติดเข้ามาบ้าง ดังนั้นอย่ารอช้าค่ะ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมี สมาร์ทโฟน กล้องชัด รุ่นไหนบ้างที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องนี้ พร้อมแล้วลุย

                สมาร์ทโฟน กล้องชัดยอดฮิตที่ตอบโจทย์ในการถ่ายรูปทุกอย่าง

1.Apple iPhone 11 Pro Max
กล้องหน้าความละเอียด 12 MP แบบ Fixed-focus ระยะโฟกัส 23 mm ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อมเทคโนโลยี 3D Structured Light หรือการจับแสงในรูปแบบ 3 มิติ รองรับ HDR มีโหมดถ่ายภาพ Portrait ด้วย Bokeh effect และ Depth control บันทึกวีดีโอ 4K 2160p@60 fps กล้องหลังใส่มา 3 ตัวคือ เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 12 MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55 นิ้ว ระยะโฟกัส 26 mm ค่ารูรับแสง f/1.8 พร้อมระบบ PDAF และ OIS, เลนส์มุมกว้าง Ultra-wide ความละเอียด 12 MP ค่ารูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 13 mm, เลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12 MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.4 นิ้ว ระยะโฟกัส 52 mm ค่ารูรับแสง f/2.0 มีระบบ PDAF, OIS กล้องหลังนั้นมีจุดเด่นในเรื่องของการให้รายละเอียดที่ดีในเกือบทุกสภาวะแสง, มีการโฟกัสภาพที่รวดเร็วและแม่นยำ, ให้สีสันสดใส, ซูมในระยะใกล้และระยะปานกลางได้ดี, เลนส์มุมกว้างทำงานได้มีประสิทธิภาพมีความเพี้ยนน้อย, มีช่วงไดนามิกที่กว้าง, เปิดรับแสงได้ดี

2. OPPO R9 / R9 PLUS
สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ซีรีส์ R รุ่นใหม่จาก OPPO มาในคอนเซ็ปต์ “Selfie Expert” มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอ โดยรุ่น OPPO R9 หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว / OPPO R9 Plus ขนาด 6 นิ้ว ขอบจอบางเฉียบเพียง 1.66 mm เป็นจอ AMOLED ความละเอียดสูง ใช้งานดูหนัง เล่นเกมส์ได้อย่างเต็มอารมณ์ ชูเอกลักษณ์เด่นของแบรนด์ด้วยกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลทั้งสองรุ่น รูรับแสง f/2.0 ให้ภาพคมชัด และสีสันสมจริง มาพร้อมฟังก์ชั่น beauty 4.0 สำหรับปรับความใสเนียนของใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา บอดี้เป็นโลหะดีไซน์เรียบหรู มีให้เลือก 2 สี คือ สีทองชมพู และสีทอง

3. Samsung Galaxy J8
กล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 16MP (F1.7) + 5MP (F1.9) เลือกจุดโฟกัสได้แม่นยำ ไม่พลาดเป้าแม้ในช็อตสำคัญ ช่วยให้ถ่ายภาพเก็บความประทับใจได้เป็นอย่างดี และกล้องหน้า ความละเอียด 16MP (F1.9) ที่มาพร้อมแฟลช LED สามระดับ ให้ภาพเซลฟี่ดูสดใสยิ่งขึ้นหน้าจอ: ขนาด 6.0 นิ้ว ความละเอียด 1480 x 720 พิกเซล   แบตเตอรี่: 3500 mAhสี: มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีทอง และสีม่วง


  เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับสมาร์ทโฟนกล้องชัดที่เราคัดเอามาฝาก จะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นนั้นมีจุดเด่นในเรื่องกล้องถ่ายภาพที่แตกต่างกันออกไป โดยบางรุ่นอาจจะเด่นที่กล้องด้านหน้าสำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ ขณะที่อีกรุ่นหนึ่งจะเด่นที่กล้องด้านหลังสำหรับการถ่ายภาพทั่วไป หรือการถ่ายแบบ หน้าชัด-หลังเบลอ รวมถึงโหมดถ่ายภาพกลางคืน, การถ่ายภาพมุมกว่าง และการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ซึ่งปัจจัยในเรื่องของกล้องถ่ายภาพนี้ตัวผู้ใช้งานต้องเป็นผู้ตัดสินเองว่าอยากที่จะได้ฟังก์ชั่นของกล้องถ่ายภาพแบบไหน

#สมาร์ทโฟน กล้องชัด

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563

จอเล่นเกมรุ่นเด็ดที่เหล่าเกมเมอร์ควรมีไว้ในครอบครอง


                        ต้องบอกเลยว่าทุกวันนี้เกมออนไลน์นั้นพัฒนาไปเยอะมากจริง ๆ โดยเฉพาะพวกเกมต่อสู้หรือผจญภัยที่จำลองสถานการณ์ในการนำคุณไปยังสถานที่ต่าง ๆ และให้คุณได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยคิดว่ามันจะสามารถเป็นไปได้อีกด้วย เพราะแบบนี้จึงทำให้หลาย ๆ คนหันมาสนใจและใส่ใจในการเลือกหน้าจอเล่นเกมที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงอรรถรสในการเล่นมากที่สุด โดยเฉพาะเกมต่อสู้ออนไลน์ที่หน้าจอเล่นเกมจำเป็นที่ต้องตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทั้ง ภาพ แสง และสี ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เหล่าเกมเมอร์หลาย ๆ คน ยอมที่จะเสียเงินจำนวนมาก เพื่อที่จะให้ได้หน้าจอเล่นเกมที่ดีที่สุด แต่การจะหาจอเกมมิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเกมที่คุณเล่นอีกด้วยเช่นกัน อย่างเช่นหากคุณเป็นคนที่ต้องการเพียงแค่นั่งเล่นเพื่อเข้าถึงบทบาทของตัวละครเกมแอคชั่น คุณอาจจะเลือกใช้จอเกมมิ่ง 4K Ultra HD ที่มาพร้อมกับ HDR และหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเกมกีฬา เป็นชีวิตจิตใจ หรือชอบเล่นเกมต่อสู้ยิงกันกระจาย คุณอาจจะต้องการจอเกมมิ่งที่มาพร้อมกับอัตราการรีเฟรชที่สูงและมีอัตราการตอบสนองที่ต่ำ ซึ่งในการมองหาจอเกมมิ่งที่ดีที่สุดนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากพอสมควร เราจึงอยากเสนอทางเลือกในการเลือกใช้หน้าจอเล่นเกมบางรุ่นที่จัดว่ามีคุณสมบัติที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีกับผู้ที่ชอบเล่นเกมเอามาให้พิจารณาไว้ด้วย ว่าแต่จะมีรุ่นไหนบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

                จอเล่นเกมรุ่นเด็ดที่เหล่าเกมเมอร์ควรมีไว้ในครอบครอง

1.BenQ EX3501R – มาพร้อมกับระบบภาพแบบ HDR และจอ Ultra Wide                                                     คุณสมบัตินี้ก็ได้รับความนิยมสำหรับจอเกมมิ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งแสงไฟของเจ้าตัว BenQ EX3501R ได้รองรับระบบ HDR มันเป็นจอที่โค้งกว้างเป็นพิเศษและมีความสวยงาม

2. Alienware AW3418DW – จอ Ultrawide
เป็นหนึ่งในไม่กี่จอเกมมิ่งที่มีอัตราส่วนการแสดงผลขนาด 21:9 และยังมีอัตราการรีเฟรชที่สูงอยู่อีก จอนี้มาพร้อมกับความละเอียดที่ 
3,440 x 1,440 ค่าตอบสนองเร็ว 4ms และอัตราการรีเฟรชที่รวดเร็วถึง 120Hz ซึ่งจอ AW3418DW ได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดไว้กับทั้งสองโลกทั้งโลกแห่งความเป็นจริงและโลกในเกม แต่คุณสมบัติเหล่านี้ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นมันอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเกมเมอร์ที่มีงบประมาณจำกัด

3. AOC Agon AG352UCG6 Black Edition – Blacker than black
เป็นหนึ่งในจอเกมมิ่งที่ดีที่สุดที่เรา ๆ เคยใช้กันมา เมื่อเราได้ยินว่ามันเปิดตัวรุ่นใหม่มาพร้อมกับอัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้นและมีความแตกต่างที่ดีกว่าเดิมก็แทบจะรอไม่ไหวแล้ว ซึ่งในรุ่น AOC Agon AC352UCG6 Black Edition ได้นำคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรุ่นดั่งเดิมกลับคืนมาและเพิ่มคุณสมบัติเหล่านั้นให้สูงถึง 11 อย่างด้วยกัน ทำให้มันเป็นจอแสดงผลที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมกับมุมมองที่กว้างเป็นพิเศษ

4.Asus ROG Swift PG27UQ – เป็น The Rolls Royce ของจอเกมมิ่ง
จอแสดงผลนี้ใช้ความละเอียด 4K Ultra-HD ที่ยอดเยี่ยมและรองรับ HDR รวมถึงมี G-Sync และอัตราการรีเฟรชที่ 144Hz ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ทำให้มันเป็นหนึ่งในจอเกมมิ่งที่น่าทึ่งที่สุดที่เคยมีมา

5. Samsung CHG90 QLED – จอ Ultra Wideที่กว้างที่สุด
Samsung ไม่เพียงแต่นำนวัตกรรม QLED มาสู่จอเกมมิ่งเท่านั้น แต่ยังคงได้รับฉายาว่าเป็นจอที่กว้างที่สุดในตลาดปัจจุบัน โดยมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 49 นิ้ว ซึ่งมันอาจจะใช้พื้นที่มากและอาจจะยื่นออกไปด้านข้างของโต๊ะ แต่ด้วยความละเอียดถึง 3,840 x 1080 และระบบ HDR คุณจะประทับใจกับมันไปในที่สุด แม้ว่าคุณจะตัดสินใจที่จะไม่เล่นเกมในความละเอียดนี้ แต่คุณยังคงใช้พื้นที่บนหน้าจอได้ทั้งหมดโดยสามารถใช้เบราว์เซอร์อื่น ๆ หรือดูหนังได้บนหน้าจอเดียวกัน ข้อเสียเปรียบอย่างเดียวก็คือ ราคาที่แสนจะแพงของมัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามการแสดงผลระดับพรีเมี่ยมแบบนี้นั้นก็คุ้มค่าที่จะลงทุน


                เมื่อคุณรู้ดีถึงความต้องการของตนเองอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นมันก็จะทำให้คุณสามารถเลือกพิจารณารูปแบบดีไซน์และฟังก์ชั่นเสริมในการซื้อหน้าจอเล่นเกมได้ตรงตามความต้องการและเสียเงินไปอย่างคุ้มค่าที่สุดค่ะ

#จอเล่นเกม 

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563

ทริคดี ๆ ในการใช้นาฬิกา smartwatch ที่ทุกคนควรรู้



ยุคนี้ต้องบอกเลยว่า นาฬิกา smartwatch แทบจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เลยก็ว่า เพราะด้วยความสามารถมากมายหลายอย่างที่ นาฬิกา smartwatch สามารถทำได้ทั้งการบอกเวลา อุณหภูมิ ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย การนำทาง หรือแม้กระทั่งการติดต่อสื่อสาร ทำให้สามารถทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยที่นาฬิกา smartwatch ถึงได้กลายเป็นสินค้ายอดนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และราคาก็ค่อนข้างที่จะแพง ดังนั้นควรที่จะต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งวันนี้เราก็มีทริคดี ๆ ในการเลือกใช้งานนาฬิกา smartwatch ให้คุ้มค่าเอามาฝากให้กับทุก ๆ ด้วย พร้อมแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ

ทริคดี ๆ ในการใช้นาฬิกา smartwatch ที่ทุกคนควรรู้
1.ใส่ออกกำลังกายตลอดเวลาเพื่อให้วัดค่าหัวใจ ซึ่งจะควบคุมระดับการเต้นของหัวใจได้ และรู้ว่าเราออกกำลังหนักแค่ไหน คนที่ลดน้ำหนักจะเหมาะมาก
2.ควรใส่ตอนนอนหลับด้วย เพื่อให้วัดคุณภาพการนอนได้ว่าหลับลึก หลับดีแค่ไหน
3.แม้ว่า Smartwatch จะกันน้ำแทบทุกรุ่น แต่ก็ไม่ควรเอาไปแช่น้ำนานเกินไป หรือให้เปียกตลอดเวลา เพราะอาจมีน้ำเล็ดลอดเข้าไปได้
4.หมั่นดูแบตเตอรี่สม่ำเสมอ เพราะหากหมดระหว่างวันคงเซ็งไม่น้อย ชาร์จได้ทันทีแม้แบตยังเหลือเพื่อให้ใช้งานได้ตลอดวัน ส่วนใหญ่ smartwatch มักใช้ที่ชาร์จเฉพาะรุ่น ไม่เหมือนกับมือถือที่หัวชาร์จเหมือน ๆ กันในหลายแบรนด์ 
5.Smartwatch ไม่ได้กันกระแทก ดังนั้นพยายามอย่าทำตก หรือกระแทกแรง ๆ เพราะเซ็นเซอร์ด้านในมีเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เครื่องชำรุดได้

                จะเห็นได้ว่านาฬิกา smartwatch ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมากให้กับคนรักการออกกำลังกายเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถที่จะเก็บสถิติและข้อมูลต่าง ๆ เอามาเปรียบเทียบและวางแผนในการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับผู้ที่ส่วมใส่ให้ดูดีขึ้นได้อีกด้วย


#นาฬิกาsmartwatch