วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อจอมอนิเตอร์เพื่อเอามาใช้งานให้ตอบโจทย์ที่สุด

                 ทุกวันนี้ในการทำงานนั้นเราใช้คอมพิวเตอร์กันซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นประสิทธิภาพของตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมีผลต่อการทำงาน โดยเฉพาะหน้าจอมอนิเตอร์หรือหน้าจอแสดงผล เพราะถ้าหน้าจอไม่โอเค สีเพี้ยน แสดงภาพออกมาได้ไม่ชัดเจน มองเห็นตัวหนังสือไม่ชัดเจน ก็อาจจะส่งผลเสียให้กับงานที่กำลังทำอยู่ก็ได้ ดังนั้นหน้าจอจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรลงทุนซื้อของดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานยิ่งขึ้น โดยสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงมีดังนี้

                สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนซื้อหน้าจอมอนิเตอร์

1.ขนาดหน้าจอ และความละเอียดภาพ
คนที่กำลังมองหาจอมอนิเตอร์มาใช้ ส่วนมากจะเลือกขนาดจอใหญ่เป็นอันดับแรก ทำให้ตอบสนองการทำงาน ดูหนัง หรือเล่นเกมที่ได้อรรถรสยิ่งขึ้น หากใช้งานครบเครื่องขนาดนี้ แนะนำว่าให้ซื้อขนาด 20 นิ้วขึ้นไปกำลังดีค่ะ สำหรับขนาดที่ได้รับความนิยมจะอยู่ที่ประมาณ 19-24 นิ้ว ส่วนความละเอียดของภาพสมัยนี้ก็ต้องเลือกแบบ 1920×1080 หรือ Full HD เพื่อรับชมภาพที่คมชัด และสวยงามได้อย่างเต็มที่

2.ค่า Response Time และ Refresh Rate
ในส่วนของค่า Response Time หมายถึง ค่าความเร็วในการเปลี่ยนเม็ดพิกเซล ดังนั้นค่าความเร็วตรงนี้จึงส่งผลไปกับ “ภาพเคลื่อนไหว” ถ้าค่า Response Time ต่ำ ๆ ก็จะยิ่งทำให้เห็นภาพเคลื่อนไหวของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เช่น ลูกฟุตบอล รถแข่ง ฉากต่อสู้ นั้นมีความไหลลื่นแถมภาพยังมีความคมชัด ปัจจุบันค่า Response Time ของ TV รุ่นใหม่ ๆ นั้นมีการปรับปรุงให้ไวมากยิ่งขึ้น จากเมื่อก่อนประมาณ 16-12 ms มาถึงตอนนี้ก็ประมาณ 5-2 ms
Refresh Rate หรือเรียกกันว่า อัตราการกะพริบของหน้าจอ ถ้าค่านี้ยิ่งสูงก็ถือว่ายิ่งดีค่ะ ช่วยทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ภาพจะนิ่ง โดยปกติถ้าใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน ทำเอกสาร  พิมพ์งานทั่ว ๆ ไป ค่า Refresh Rate จะอยู่ที่ประมาณ 60 Hz คือ เรทปกติค่ะ

3.ลักษณะ Panel ของจอ
ปัจจุบันอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตัวนี้จะมี Panel ที่ใช้หลักๆ อยู่ 3 แบบด้วยกัน คือ IPS, VA และ TN แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ Panel แบบ IPS ค่ะ เนื่องจาก Panel นี้มีข้อดีคือ ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา (Viewing Angle 178°/178°‎‎ ทั้งในมุมแนวนอนและแนวตั้ง) ไม่ว่าจะมองหน้าจอจากมุมไหนก็จะได้ภาพที่ชัดเจน สีสดสวย สบายตา อัตราส่วนภาพไม่ผิด สีไม่เพี้ยน จึงกลายเป็นที่นิยมในตลาดอย่างมาก
สำหรับ Panel แบบ VA (Vertical Alignment) จุดเด่นที่ดีที่สุด คือ ให้สีดำที่ดำสนิทมากกว่าแบบอื่น แต่จะมีข้อเสียในเรื่องของมุมมอง จะไม่กว้างเท่าแบบ IPS เช่น ในฉากที่มีความมืด ถ้าไม่ได้นั่งอยู่ตรงกลางจอ ก็จะไม่สามารถเห็นรายละเอียดในหน้าจอได้ชัดเจนนัก
แบบสุดท้าย คือ TN (Twisted Nematic) ข้อดีคือ ราคาถูก และมีค่า Response Time ต่ำ จึงเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบของราคาไม่แพงมากนัก ซึ่งใช้ได้ดีพอควร ภาพไม่กระตุก แต่ Panel แบบนี้จะมีมุมมองการชมแคบ อัตราการผิดเพี้ยนของสีสูงด้วยค่ะ

4.พอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ (Connectivity Interface)
จอมอนิเตอร์ส่วนใหญ่จะมาพร้อมพอร์ต VGA และ DVI ซึ่งแบบหลังจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ Digital จึงทำให้ได้ภาพที่สวย และคุณภาพดีกว่า สำหรับพอร์ต VGA นั้นจะเป็นพอร์ตแบบเก่า ใช้กันมากในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก อย่างไรก็ดี เวลาเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ ควรเลือกรุ่นที่มีพอร์ตทั้ง 2 แบบนี้อยู่ในเครื่องด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่ออย่างครบครันนั่นเอง

5.ฟีเจอร์ และฟังก์ชั่นพิเศษอื่น ๆ
สำหรับฟังก์ชั่นพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Touch Screen, Webcam หรือ 3D เป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ ถ้าคิดว่าไม่ได้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้เพิ่มเติม เพราะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งคุณอาจจะใช้งานได้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค่ะ


  แหละไม่ว่าคุณจะเลือกหน้าจอมอนิเตอร์แบบไหนอีกสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลยคือการดูแลดวงตาของคุณในระหว่างใช้งานคอมพิวเตอร์ ควรหาวิธีป้องกันไม่ให้สายตาโดนแสงจากหน้าจอโดยตรงเพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสายตาของคุณได้ ควรหาแว่นกรองแสงมาใส่หรือเอาต้นกระบองเพชรมาวางตรงหน้าจอเพื่อช่วยลดแสงที่จะส่งมาถึงดวงตาของเราโดยตรง หรืออาจจะติดฟิล์มกรองเเสงก็ก็ได้ค่ะ

#มอนิเตอร์ 

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2563

นาฬิกาวัดแคลอรี่ที่ดีควรมีคุณสมบัติยังไง



                 ในทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายก็อยากมีตัวช่วยให้ออกกำลังกายง่ายและสนุกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาวัดแคลอรี่ และนาฬิกาไฮเทคอื่น ๆ อีกเพียบ ซึ่งนาฬิกาวัดแคลอรี่ ในแต่ละรุ่น แต่ละแบบนั้นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป หากคุณสนใจหรือกำลังมองหานาฬิกาวัดแคลอรี่ดี ๆ สักเรือนเพื่อเอามาใช้ให้เหมาะสม ตรงกับเป้าหมายการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณล่ะก็ ตามมาทางนี้ได้เลย เดี๋ยวเราจะแนะนำให้เองว่าควรเลือกยังไงบ้าง

                คุณสมบัติของนาฬิกาวัดแคลอรี่ที่ดีต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
1.การนับก้าว คำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ในแต่ละวัน
2.ตรวจจับการเคลื่อนไหวของเราได้ 24 ชม.
3.ตรวจจับการหลับนอนของเรา หรือการงีบระยะสั้น ๆ ได้ด้วยประสิทธิภาพและคุณภาพการนอนหลับ
4. แจ้งเตือนได้หากเราหยุดเคลื่อนไหว หรืออยู่นิ่ง ๆ เกินไป
5.ตั้งเป้าหมาย การหลับ และ การเคลื่อนไหวในแต่ละวันได้ว่าอยากจะได้ซักเท่าไหร่
6. ง่ายต่อการสวมใส่ สามารถปรับระดับสายข้อมือได้

เพียงแค่นี้คุณก็สามารถเลือกนาฬิกาวัดแคลอรี่ให้ตนเอง หรือซื้อไปฝากคนที่คุณรักและห่วงใยได้แล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีควรมีติดไว้นะคะ

#นาฬิกาวัดแคลอรี่ 


วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563

คำแนะนำดี ๆ ที่ไม่ควรพลาดในการเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ได้จอคอม ราคาถูกคุณภาพดี


                      สำหรับบรรดาเกมเมอร์ คนที่ชอบดูหนัง ดูวิดีโอ ทำงานกราฟิก การมีหน้าจอคอม ที่คมชัด ภาพสวยงาม ดูแล้วลื่นไหล ภาพไม่กระตุกหรือแตก ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นเวลาเลือกซื้อจอคอม จึงต้องดูสเปคต่าง ๆ ของเครื่องให้ละเอียด ซึ่งตอนนี้บอกเลยว่าจอคอม นั้นมีอยู่มากมายหลายรุ่นหลากแบรนด์ และหลายช่วงราคา ทำให้การเลือกซื้อจอ คอม นั้นยากขึ้นไปอีก และยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องรายละเอียดของจอคอมพิวเตอร์เลยก็อาจจะพลาดกันได้ง่าย ๆ เพราะอาจจะได้จอคอม ราคาแพง ๆ ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อที่จะให้ได้จอคอม ราคาที่ดีสมเหตุสมผลกับการใช้งานก็ควรลองศึกษาถึงสเปคของเครื่องและความต้องการใช้งานก่อนซื้อให้ดี  ๆ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเลือกยังไงหรือเลือกแบบไหนดี ก็ตามมาทางนี้เลยค่ะ เพราะเรามีคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์เอามาฝากให้กับทุก ๆ คนด้วย พร้อมแล้วก็มาดูกันเลย

                คำแนะนำดี ๆ ที่ไม่ควรพลาดในการเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ได้จอคอม ราคาถูกคุณภาพดี
1.ชนิดพาแนล (Panel Type) ที่ใช้
พาแนลหน้าจอนั้น จะมีใช้กันอยู่ หลัก ๆ อยู่ 3 แบบ คือ TN, VA และ IPS ซึ่งจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันอยู่ ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของคุณ สำหรับพาแนล TN และ VA เป็น 2 พาแนลที่ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนัก โดยพาแนลทั้ง 2 แบบนี้จะเหมาสำหรับคนที่ต้องการหาหน้าจอสำหรับใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือเล่นเกมที่ไม่ได้ต้องการความละเอียดของภาพสูงสุด สำหรับพาแนล IPS จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้หน้าจอความละเอียดสูง ๆ สามารถให้สีสันที่แม่นยำ มีความคมชัด สีไม่ผิดเพี้ยน และความตื้นลึกของสีที่ทำให้ภาพมีมิติมากขึ้น

2.ขนาดของหน้าจอ
ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับคุณ ว่าต้องการหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่มากแค่ไหน โดยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นสามารถเพิ่มอรรถรสในการใช้งานของคุณได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะใช้ทำงาน ดูหนัง หรือเล่นเกม แต่หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นก็จะมีราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งในบทความนี้เราได้เลือกรุ่นที่มีขนาดหน้าจอสูงสุดที่ 24 นิ้ว หากคุณต้องการหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้เราได้ทำการรีวิวไว้แล้ว

3.ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ให้มา
การใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันหลาย ๆ ชั่วโมงต่อวันนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตาของคุณได้ ดังนั้นหากคุณมีงบประมาณมากพอควรเลือกรุ่นที่มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการป้องกันสายตาของคุณ เช่น เทคโนโลยีการลดแสงสีฟ้า หรือเทคโนโลยีช่วยลดการสั่นหรือกระพริบของภาพ

4. ดีไซน์และขนาดของขาตั้งหน้าจอ
แน่นอนว่าหน้าจอหลาย ๆ รุ่นมีดีไซน์ที่แตกต่างกันอันนี้ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของคุณ ส่วนขนาดของหน้าจอนั้นก็มีความสำคัญ หากคุณทีพื้นที่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์จำกัด คุณอาจจะเลือกรุ่นที่มีการออกแบบให้ขาตั้งเล็ก เพื่อให้สามารถจัดวางได้ง่าย

5.ขอบของหน้าจอ และพอร์ตการเชื่อมต่อ
เราขอแนะนำให้เลือกหน้าจอที่มีขอบบาง ๆ จะดีกว่า เพราะนอกจากคุณจะได้ภาพลักษณ์ที่สวยงามขึ้นแล้ว ในอนาคตคุณสามารถซื้อหน้าจอมาเชื่อมต่อเพิ่มอีกตัวได้ ยิ่งหน้าจอมีขอบบางมากเท่าไหร่เมื่อวางติดกัน 2 หน้าจอ จะทำให้ภาพดูต่อเนื่องกัน ไม่มีขอบหน้ามากั้นแบ่ง ให้รำคาญสายตา พอร์ตการเชื่อมต่อเราขอแนะนำให้คุณใช้ Port HDMI จะมีคุณภาพที่สูงกว่า


                   แหละไม่ว่าจะเลือกจอคอม ราคาถูกหรือราคาแพงต่างก็เป็นตัวแสดงผลที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม ความบันเทิงและการทำงานอื่น ๆ หลายด้าน เพราะฉะนั้นก่อนเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่คิดว่าเหมาะกับการนำมาใช้งานของตนเองได้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้วไม่ต้องเลือกอะไรที่ Perfect มาก หากเลือกมาแต่ไม่ได้ใช้งานในส่วนนั้น ๆ ก็จะทำให้สิ้นเปลืองไปเปล่า ๆ ได้ค่ะ 

#จอคอม ราคา

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563

หลักการในการซื้อทีวี ให้ได้ดีนอกจากเรื่องราคา ทีวี แล้ว ควรดูอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง


                       ในทุกวันนี้เทคโนโลยีทุกอย่างนั้นถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ และเมื่อยิ่งถูกพัฒนาไปเรื่อย ๆ ราคาของชิ้นเก่า ก็จะถูกลงด้วยเช่นกัน หากย้อนเวลากลับไปช่วง 90 พวกราคาของใช้เทคโนโลยีอย่างเช่น ราคาของโทรศัพท์จะค่อนข้างแพง แถมทำรายการได้แค่โทรเข้า โทรออก ส่งข้อความ ผิดกับเดี่ยวนี้ที่มีเงินไม่ถึงพันก็สามารถที่จะซื้อโทรศัพท์เหล่านั้นได้แล้ว และถ้ายิ่งเป็นราคาที่เกือบหมื่นฟังก์ชั่นการทำงานในด้านต่าง ๆ ก็จะมีมากขึ้น ซึ่งบางทีการเลือกซื้อ tv สักเครื่องนั้นบางครั้งราคา ทีวี ก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาบอกถึงเคล็ดลับในการเลือกซื้อ tv ให้ได้ดีและสมบูรณ์แบบที่สุดให้กับทุก ๆ คนเอง พร้อมแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ

                       สิ่งที่ควรเอามาพิจารณาเพิ่มเติมร่วมกับราคา ทีวี ก่อนที่จะทำการตัดสินใจซื้อ
1.จำนวนของพิกเซล
ยิ่งมีค่าพิกเซลสูงเท่าไหร่ภาพที่ได้ยิ่งมีความละเอียดสูงและแน่นอนคะราคาโทรทัศน์ก็จะแพงขึ้นด้วย
2.Contrast Ratio
ค่านี้ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะค่า Contrast Ratio คืออัตราส่วนสีดำที่ดำที่สุดและสีขาวที่ขาวที่สุดที่ทีวีสามารถแสดงได้ ทีวีเครื่องไหนมีค่าคอนทราสต์เรโชสูง ๆ จะแสดงภาพได้ดูลึกมีมิติสมจริง
3. Response Time
ค่านี้ยิ่งต่ำมาก ๆ ยิ่งดี อย่างน้อยควรจะต่ำว่า 4ms ซึ่งค่า Response Time นี้ เป็นความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลเมื่อเปลี่ยนจากการแสดงสีดำมาเป็นสีขาว แล้วก็เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีดำอีกครั้งนึง โดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที (ms) อย่างไรก็ดีผู้ใช้อย่างเรา ๆ มักเห็นสเปคข้างกล่องที่อ้างอิงตัวเลขที่ค่อนข้างเกินจริง สาเหตุก็เป็นเพราะผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ต่างมีวิธีวัดค่า Response Time เป็นของตัวเอง ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรทดสอบด้วยตาตัวเองมากกว่าเชื่อสเปคที่เขียนไว้ข้างกล่อง
4. มีช่องต่อที่ครอบคลุม
•             ถ้าเป็นขนาด 42” ขึ้นไปควรมีช่องต่อ HDMI version 1.4  (แต่ถ้าทีวีที่เลือกซื้อเป็น UHD TV ควรจะเป็น HDMI version 2.0) อย่างน้อย ๆ 3 ช่อง
•             ช่องต่อ Component ควรจะมีอย่างน้อย 1 ชุด
•             ช่องต่อ Optical
•             ช่องต่อ AV ก็ควรจะมีนะครับถึงแม้ว่าอนาคตอาจจะไม่ได้ใช้แล้ว แต่ตอนนี้ยังคงมี่เครื่องที่ใช้สาย AV กันอยู่ใช้ไหมละครับ ดังนั้นก็ควรจะมีอย่างน้อยซัก 1 ชุด
•             ส่วนช่องต่อ USB Port ในปัจจุบันรุ่นล่าง ๆ ขนาด 32" อย่างน้อย ๆ ก็มีให้ 1 ช่องแล้ว ดังนั้นรุ่นกลางขนาด 40" ขึ้นไปควรมีอย่างน้อย 2 ช่อง
5. ขาตั้งและมุมมอง
ต้องยอมรับว่าขาตั้งของทีวีในปัจจุบันส่วนใหญ่เกือบ 80% ไม่สามารถหมุนซ้าย - ขวาได้ ก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรคิดคำนึงด้วยว่าเวลาเราใช้งานจริง มีการหมุนทีวีมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างไรก็ดีด้วยความที่เทคโนโลยีการผลิตพัฒนาไปเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อทีวีที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ในราคาที่ถูกลง ดังนั้นปัญหาเรื่องการหมุนของขาตั้งจึงแทบไม่ต้องใส่ใจ ผู้ใช้ควรมาพิจารณาถึงเรื่องมุมมองของทีวีแทน ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรลองดูมุมมองด้านข้างของทีวีด้วย ว่าให้ภาพเป็นอย่างไร สีสันเป็นอย่างไร แตกต่างจากการมองตรงกลางมากน้อยแค่ไหนด้วย
6. ดีไซน์
หากจะพูดว่าทีวีนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับเฟอร์นิเจอร์ก็คงไม่ผิดนัก เพราะทีวีเครื่องแรกมักจะถูกจัดวางอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดังนั้นการเลือกดีไซน์ของทีวีให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ก็ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
7. ขนาดของจอภาพ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยซื้อ LCD TV หรือ Plasma TV ไปแล้ว ใช้ไปซักพักจะเจอปัญหา "จอหด" คือทีวีที่มีอยู่ที่บ้านมันดูเล็กเหลือเกินทั้ง ๆ ที่ตอนซื้อเราก็ว่าใหญ่แล้วนะ ทางผู้เขียนแนะนำให้ซื้อขนาดที่ใหญ่ และเป็นขนาดที่ "ใหญ่แบบพอเหมาะ" มิใช่ใหญ่จนเกินไปจนสายตากวาดไม่ทั่วประหนึ่งนั่งแถวหน้าสุดในโรงหนัง หากมีระยะดูซัก 1.5-2.0 เมตรขึ้นไปก็แนะนำระดับ 40" ขึ้นไป หรือหากมีระยะรับชมซัก 3.0 เมตรก็แนะนำขนาด 50" ขึ้นไป ขนาดยิ่งใหญ่ = เป็นการขยายขอบเขตความสุขในการรับชมให้มากยิ่งขึ้น และเป็นการซื้อทีเดียวจบ


                  เป็นอย่างไรบ้างคะ กับหลักการเลือกซื้อ tv  ยิ่งเป็น tv ดี ๆ คุณภาพสูง ๆ ราคา ทีวี นั้นก็จะยิ่งแพงไปด้วย แต่บางทีฟังก์ชั่นที่ได้มาจาก tv ถ้าบางทีเราไม่ได้ใช้งานก็ไม่ควรที่จะต้องเลือกซื้อฟังก์ชั่นที่เพอร์เฟ็กมากเกินไป เพราะจะทำให้ศูนย์เสียเงินจากตรงนั้นไปเปล่า ๆ ค่ะ

#ราคา ทีวี

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ข้อมูลที่ควรรู้ในการเลือกสเปคหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้หน้าจอที่ตรงกับความต้องการใช้งาน


                        ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นเกมเมอร์แล้ว จอคอมพิวเตอร์ธรรมดา ๆ อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเล่นเกมของคุณ เพราะสเปคที่ทุกคนต่างเฝ้ารอนั้นคือจอ 144hz หรือจอที่มี refresh rate ระดับสูง ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าจอปกติ ทำให้มีการตอบสนองในการเล่นเกมส์ได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าจอ 144hz นั้นก็มีตัวเลือกมากมาย หลายสเปคหลายราคา และหลายข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เราลองไปทำความเข้าใจแบบคร่าว ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้างที่เราควรต้องรู้ เพื่อให้ได้หน้าจอที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานได้มากที่สุด พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ

                         ข้อมูลที่ควรรู้ในการเลือกสเปคหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้หน้าจอที่ตรงกับความต้องการใช้งาน
ถ้าสังเกตสเปคหน้าจอคอม จะเห็นว่ามีทั้งหน้าจอ 60hz, 120hz หรือแม้แต่หน้าจอ 144hz ซึ่งก็หมายถึงค่า Refresh Rate ของจอ โดยจะปรากฏอยู่ในรายละเอียดของสเปคบนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คในหลาย ๆ รุ่น จะมีหน่วยเป็น hz ตั้งแต่ 60hz , 120hz และ 144hz ซึ่งปกติคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส่วนใหญ่จะมีค่าRefresh Rate พื้นฐานอยู่ที่ 60hz ส่วนรุ่นที่เหมาะสมกับเกมเมอร์ราคาจะอยู่ในระดับกลาง ๆ ถึงสูง โดยค่า Refresh rate มักจะเป็นค่า 120hz ไปจนถึง 144hz
ค่าRefresh Rate มีดีอย่างไร?
Refresh Rate เป็นค่าที่บ่งบอกว่า จอภาพสามารถแสดงภาพนิ่งได้กี่ภาพ (เฟรม) ภายใน 1 วินาที หรือรองรับการแสดงผลคอนเทนต์ที่ Frame Rate (fps) สูงสุดเท่าไร โดยจอภาพที่เป็น 60Hz จะรองรับการแสดงผลสูงสุดที่ 60fps ส่วนจอภาพ 120hz ก็รองรับ 120fps ซึ่งยิ่ง fps มาก ภาพที่ได้ก็จะยิ่งมีการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ข้อดีของจอภาพ 120hz คือ การแสดงผลคอนเทนต์เป็น 120fps ซึ่งจะทำให้ภาพเคลื่อนไหวดูลื่นไหลกว่า 60hz ซึ่งคนทั่วไปมองความแตกต่างไม่ค่อยออก โดยปัจจุบันนอกจากเกม ยังมีวีดีโอที่เป็น 120fps ได้ภาพสวยและไม่มีปัญหาภาพสั่นและการแทรกเฟรมที่ไม่สม่ำเสมออีกด้วย
หน้าจอมอนิเตอร์เล่นเกม จำเป็นต้องหน้าจอ 144hz หรือไม่ ?
ตัวเลข hz เป็นค่า Refresh Rate การแสดงผลของหน้าจอมอนิเตอร์ ตัวเลขยิ่งเยอะยิ่งดี เพราะจะให้ภาพที่ดูนิ่งสบายตา ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 60hz เป็นอย่างน้อย แต่เพื่อให้รองรับการเล่นเกมในแนวแอ็กชั่นหรือ FPS ได้ดีขึ้น ก็ต้องสอดคล้องกับเฟรมเรตที่ออกมาได้อย่างไหลลื่น โดยมอนิเตอร์บางรุ่นปัจจุบันออกสูงถึง 144hz แล้ว ซึ่งก็ทำให้เข้ากับเฟรมเรตที่เกิดขึ้นบนการ์ดจอรุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงได้ดีกว่าเดิม กรณีที่เฟรมเรตสูงกว่า 60hz อย่างน้อยจอมอนิเตอร์ก็ยังรองรับได้ ไม่เกิดอาการภาพขาดให้เห็น แต่สิ่งที่ต้องสังเกตก็คือ การใช้หน้าจอที่มี hz สูง ๆ นี้อาจจะต้องใช้สายสัญญาณตามที่ผู้ผลิตแจ้งมา เพื่อให้ทำงานได้สอดคล้องกัน เพราะสายสัญญาณบางแบบอาจไม่รองรับการปรับได้สูงมากนักจึงไม่สามารถดึงศักยภาพในการทำงานออกมาได้หมด


              ดังนั้นคนไหนที่ชื่นชอบการเล่นเกมเป็นหลัก นอกจากจะสามารถมองเห็นรายละเอียดในขณะเล่นนั้นได้อย่างชัดเจนแล้ว ก็จะช่วยให้ได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดีขึ้นตามไปด้วย แต่ในการที่จะเลือกใช้งานหน้าจอ 144hz นั้นก็ต้องมีสเปคของเครื่องที่ดีพอสมควรเนื่องจากว่าหากเรามีจอ 144hz ก็จริงแต่หากสเปคส่งไปไม่ถึง FPS ได้ไม่เกิน 60 FPS ก็ถือว่าเสียของเปล่า
#จอ 144hz

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2563

มารู้จักกับหูฟัง in ear ให้มากขึ้นกันเถอะ


                 ต้องบอกเลยว่าในทุกวันนี้หูฟังนั้นมีหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็น หูฟังเอียร์บัด , หูฟัง Headphone , หูฟัง in ear และอื่น ๆ ที่ถูกแยกย่อยไปอีกมากมาย จนเราไม่รู้ว่าหูฟังในแต่ละแบบเป็นอย่างไรและเหมาะกับการใช้งานในแบบไหนบ้าง ซึ่งหูฟังที่เราอยากจะพูดถึงในวันนี้จะเป็นหูฟังแบบ in ear ถือว่าเป็นหูฟังที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันเยอะมาก หากใครที่ยังไม่รู้จัก หูฟัง in ear ดีพอ ตามเรามาทางนี้เลย เดี๋ยวเราจะบอกให้เองว่าหูฟังin ear คืออะไรและมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง ว่าแล้วก็มาดูกันเลย

                มารู้จักกับหูฟัง in ear ให้มากขึ้นกันเถอะ
หูฟัง in ear จัดได้ว่าเป็นประเภทของหูฟังที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน นอกจากความสะดวกในการพกพาแล้ว หูฟังแบบ In-Ear สามารถกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีมาก ๆ ด้วยความที่จุกยางหรือจุกโฟมมีหลายขนาดและ ถูกสอดเข้าไปในรูหูจนปิดสนิทจึงทำให้หูฟังสวมใส่ได้พอดี และหลุดได้ยาก   ในด้านเสียงมีจุดเด่นคือจะได้ยินรายละเอียดได้ชัดเจนและครบครัน เนื่องจากความที่หูฟังอยู่ใกล้รูหู และการกันเสียงรบกวนที่ดีเยี่ยม จึงทำให้ได้ยินเสียงรายละเอียดดีขึ้นไปอีกขั้น ข้อควรระวังของหูฟังประเภทนี้คือเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากหูฟังประเภทนี้สามารถกันเสียงได้ดีมาก ๆ ทำให้เราไม่ค่อยได้ยินเสียงจากภายนอก บางครั้งอาจเกิดอันตรายได้ และสำหรับคนที่ชอบเปิดเสียงดังมาก ๆ ก็จะเป็นอันตรายต่อหูได้เช่นกัน


เพราะหูฟัง in ear  เป็นหูฟังมาแรงในขณะนี้ จนหลายค่ายต่างก็พากันผลิตหูฟังประเภทนี้กันแทนที่หูฟังแบบ Earbud ซึ่งมีหูฟังที่เด่น ๆ ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ก็จะมี แบร์น samsung In-ear Fit EO-EG920BBEGWW, แบรนด์ Creative - EP630 ,แบรนด์ Philips - SHE9700 ,แบรนด์ Sennheiser - CX300 , CX500 ,แบรนด์ Crossroad - Mylarone X3 ,แบรนด์SONY - MDR-EX500 , MDR-EX700 แบรนด์Jays - qJAYs และ แบรนด์ Altec-Lensing - IM716 เพื่อน ๆ ชื่นชอบแบรนด์ไหนก็ลองไปเลือกซื้อหามาใช้กันดูนะคะ รับรองว่าจะได้ความบันเทิงแบบจุกใจแน่นอนค่ะ

#หูฟัง in ear

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563

แถลงหมดเปลือกในการเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดีที่จะทำให้คุณได้รับความคุ้มค่าอย่างสูงที่สุด


                 แท็บเล็ต ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของหลาย ๆ คน ไม่แพ้โทรศัพท์มือถือ ด้วยประโยชน์ใช้สอยมากมาย แถมยังมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน ทำให้มองเห็นได้ง่ายและชัดเจนกว่า เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ และเอาไว้ใช้ทำงานเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าการจะซื้อแท็บเล็ตสักอันหนึ่งก็ไม่ใช่ราคาถูก ๆ เพราะฉะนั้นควรต้องศึกษาถึงรายละเอียดของเครื่องให้ดี แต่ถ้าใครยังไม่มีรุ่นแท็บเล็ตที่อยากได้และไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดีอยู่ละก็ เราก็อยากจะเสนอแท็บเล็ตตัวเจ๋ง ๆ เอาไว้ให้พิจารณาหรือเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมในการเลือกซื้อว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะรุ่นไหนบ้างที่ควรมีไว้ในการครอบครอง

                เลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดีที่จะสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

1.SAMSUNG Galaxy Tab S6
ครบครันทุกฟังก์ชันผสมผสานทั้งความแรงของตัวเครื่องและความบันเทิงที่อัดแน่น ด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Octa Core ความเร็ว 2.8GHz แต่ที่เหนือล้ำไปกว่านั้นคือ RAM ขนาด 8GB แรงแบบไม่มีใครเทียบ เมื่อใช้กับ Android 9.0 ต้องบอกเลยว่ายิ่งกว่าลื่นไหล เร็ว ไว ตอบโจทย์ทุกการใช้งานมาก ๆ ในด้านความบันเทิงก็ครบเครื่องด้วยจอขนาด 10.5 นิ้ว ที่มีความละเอียดมากกว่า Full HD แถมคุณภาพเสียง Hi-Res Audio จากลำโพงชั้นยอด 4 ตัว
ยังมีกล้องหน้าและกล้องหลังที่มีความละเอียดสูง เก็บทุกบรรยากาศได้รวดเร็วและชัดเจน รุ่นนี้มีความจุตัวเครื่องมากถึง 128GB และเพิ่มความจำภายนอกจาก Micro SD Card ได้สูงสุดถึง 1TB เลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังแถมปากกา S Pen ติดมากับเครื่องอีกด้วย ครบครันคุ้มค่าคุ้มราคา ที่คุณต้องไม่ลังเลเลย

2. HUAWEI MediaPad M5 lite
รุ่นนี้นอกจากพกพาง่ายด้วยขนาดหน้าจอเพียง 8 นิ้วแล้ว ยังเน้นในเรื่องของความบันเทิงที่ครบครันด้วยหน้าจอคมชัดระดับ Full HD และยังมีระบบเสียงพิเศษ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับสมดุลของเสียงให้สมจริงมากขึ้น ใช้หน่วยประมวลผลคือ Kirin 710 Octa Core ขนาด 2.2GHz มาพร้อม RAM ขนาด 2GB และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 ช่วยให้การทำงานของเครื่องมีประสิทธิภาพสูงมาก

3. ALLDOCUBE M5
รุ่นนี้มีจุดเด่นในเรื่องหน้าจอที่มีความกว้างหน้าจอถึง 10.1 นิ้ว มาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 2560 x 1600 พิกเซล ทำให้ดูหนังได้คมชัดกว่า Full HD แถมยังมาพร้อมกับระบบลำโพงคู่ที่ช่วยให้การฟังเพลงของคุณ Smooth สุด ๆ มีหน่วยประมวลผล MTK Helio X20 Deca-Core 64-bit ขนาด 2.3GHz และ RAM ขนาด 4GB ประสานกับการทำงานของระบบปฏิบัติการ Android 8.0 อีกด้วย


                 เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับรุ่นแท็บเล็ตที่น่าซื้อที่เรานำมาฝากเชื่อเลยว่าหากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลไว้จะต้องตัดสินใจได้ยาก หรือไม่รู้ว่าควรที่จะต้องเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดี ที่จะมาตอบโจทย์ในการใช้งานของคุณ เพราะแท็บเล็ตที่มีวางขายอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีมากมายหลายรุ่นจริง ๆ แถมบางรุ่นบางยี่ห้อก็ไม่มีศูนย์บริการ อาจจะกลายเป็นสูญเงินฟรีไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อ แต่ถ้าใครยังตัดสินใจไม่ได้ 3 รุ่นที่เราเสนอมาด้านบนก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วยค่ะ

#ซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดี