วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

การเลือกซื้อมือถือให้ได้มือถือกล้องเทพควรที่จะต้องดูคุณสมบัติในด้านไหนบ้าง ?

 


ปัจจุบันการแข่งขันของค่ายโทรศัพท์มือถือพัฒนาก้าวกระโดดมาก ยิ่งเทคโนโลยีกล้องถ่ายรูปของมือถือ หลายรุ่นมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการใช้งานแทนกล้องถ่ายรูปได้เลย จัดว่าเป็นมือถือกล้องเทพ สามารถถ่ายภาพให้ได้ความละเอียดสูง สวยงาม คมชัด ได้อย่างน่าประทับใจ เพียงพอต่อการใช้งาน จนบางครั้งหลายคนก็พกเพียงแค่กล้องมือถือกล้องเทพตัวเล็ก ๆ ใส่กระเป๋าติดตัวออกไปเก็บภาพความประทับใจในโอกาสต่าง ๆ เช่น ไปท่องเที่ยว หรือในชีวิตประจำวันแทนกล้องถ่ายรูป แถมยังพกพาได้สะดวก น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย หยิบขึ้นมาใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา ต้องยอมรับเลยว่ากล้องถ่ายภาพของมือถือเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่หลายคนใช้ในการเปรียบเทียบเพื่อทำการตัดสินใจเลือกซื้อมือถือเลยก็ว่าได้ จะเห็นได้จากตลาดมือถือในปัจจุบัน โดยเฉพาะในปี 2020 กล้องมือถือได้ถูกพัฒนาไปอีกขั้น หลาย ๆ แบรนด์พยายามปรับปรุงเพื่อให้ได้มือถือที่จะตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติเด่นของกล้องที่ต้องมีเลยดังนี้

คุณสมบัติมือถือกล้องเทพ

1.มือถือกล้องเทพ หรือ กล้องสมาร์ทโฟน สามารถถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูง สวยงาม ถ่ายภาพคมชัด

2.นอกจากดีไซน์ต้องสวยแล้วยังต้องเน้นจุดเด่นเรื่องกล้องอีกด้วย โดยล่าสุดมีกล้องความละเอียดสูง ๆ โดยเฉพาะกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีในกลุ่มตลาดมือถือมากมายต่างก็ชูจุดขายเรื่องกล้องถ่ายภาพกันทั้งนั้น

3.ความละเอียด 64 ล้านพิกเซลยังรวมโหมด HDR แบบเรียลไทม์ ที่ช่วยลดสิ่งรบกวนได้มากถึง 100 เดซิเบล เช่นเดียวกับการปรับความแม่นยำของสี เทคโนโลยีออโต้โฟกัส และการบันทึกวิดีโอแบบ Full HD ที่อัตราส่วน 480 เฟรมต่อวินาที (FPS) สำหรับวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นที่ดูนุ่มนวลต่อเนื่องยิ่งขึ้นด้วย

4.ความแตกต่างของเลนส์เซ็นเซอร์ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล กับ เลนส์เซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซลหลักการทำงานพื้นฐานของเลนส์ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และ 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel sensors เป็นการรวมการทำงานของเลนส์ 4 ตัวเข้าด้วยกัน ซึ่งส่งผลให้เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้นและดูมีมิติดียิ่งขึ้น ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่คือ ปริมาณแสงทั้งหมดที่เข้าสู่เซ็นเซอร์ภาพยิ่งมากขึ้นดังนั้นคุณภาพของภาพก็จะดีขึ้น

5.ในช่วงกลางวัน ซอร์ฟแวร์สามารถจับกลุ่มพิกเซลเสริมทั้ง 4 ให้เป็น 2 และถ่ายภาพที่การเปิดช่องรับแสงต่าง ๆ และผสานภาพที่จับได้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อการเก็บรายละเอียดภาพได้ดียิ่งขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่มีความสว่างสูงจะใช้ ISO ต่ำและในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยจะใช้ ISO สูงเพื่อให้ได้อัตราส่วน Signal-noise ratio ที่ดีที่สุดถึงคุณไม่ได้เป็นช่างภาพมืออาชีพคุณก็สามารถปรับค่า ISO ได้ด้วยตนเอง ที่จะช่วยให้คุณถ่ายภาพและดูไฮไลต์และรายละเอียดทั้งหมดในที่มืดเช่นกลางคืนได้

นอกจากคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ก็ยังมีหลายคนที่สงสัยเกี่ยวกับจำนวนพิกเซลระดับสูงมีผลกับมือถือหรือไม่ ซึ่งตามทฤษีมันก็ใช่ เพราะมันก็ให้ในเรื่องความสามารถที่ให้ผลลัพธ์ภาพถ่ายที่มีคุณภาพดีขึ้น แต่ต้องคู่กับเลนส์คุณภาพสูงและการตั้งค่าเซ็นเซอร์ที่ดี ดังนั้น เมื่อมาพิจารณากับกล้องมือถือนอกจากเลนส์ 64 ล้านพิกเซลแล้ว การที่เราจะเปรียบเทียบความต่างของมือถือแต่ละรุ่นก็ต้องไปดูเพิ่มที่การเลือกตั้งค่าเซ็นเซอร์ว่ามีการใช้เลนส์ที่รูรับแสงต่างกันอย่างไร และซอร์ฟแวร์ที่ใช้ในการประมวลผลภาพด้วย มือถือกล้อง 64 ล้านพิกเซล มือถือกล้องเทพ ถ่ายชัดแจ๋วนาทีนี้ไม่มีไม่ได้แล้ว ทีนี้หลายคนก็ไม่ลังเลใจที่จะเลือกเก็บกล้องดิจิตอลตัวใหญ่ ๆ ทิ้งไว้ที่บ้านแล้วเลือกพกเพียงแค่มีอถือตัวเล็ก ๆ ติดตัวออกไปเก็บภาพความประทับใจในโอกาสต่าง ๆ เพื่ออวดภาพสวยได้ค่ะ

#มือถือกล้องเทพ

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

5 ข้อสำคัญที่ควรต้องรู้ในการเลือกซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์

 


หน้าจอคอมพิวเตอร์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้เลย เพราะมันส่งผลโดยตรงกับผู้ใช้งานต่อให้มีสเปคเครื่องดีแต่มีหน้าจอคอมไม่ดีก็อาจจะทำให้การทำงานของเราช้าลงได้ และยิ่งถ้าทำงานเกี่ยวกับกราฟฟิก เรื่องภาพ แสง และสีที่แสดงผลต้องชัดเจน ถ้ามีหน้าจอที่ไม่ดีการแสดงผลของภาพสีอาจถูกเปลี่ยนแปลงไปได้ นี้ยังไม่รวมถึงปัญหาอื่น ๆ อีกเพียบ ดังนั้นสิ่งที่ต้องลงทุนรองมาจากสเปคเครื่องเลยก็คือหน้าจอคอมพิวเตอร์เนี้ยแหละค่ะ ซึ่งถ้าใครที่ยังกังวลและไม่รู้ว่าจะต้องเลือกสเปคหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบไหนถึงจะได้หน้าจอที่ดีและมีประสิทธิภาพอยู่ละก็ ตามเรามาทางนี้เลยค่ะ เพราะเรามีคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์เอามาฝาก พร้อมแล้วมาดูกันเลย

                ข้อแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ที่ควรรู้ไว้

1. ชนิดพาแนล (Panel Type) ที่ใช้

พาแนลหน้าจอนั้น จะมีใช้กันอยู่ หลัก ๆ อยู่ 3 แบบ คือ TN, VA และ IPS ซึ่งจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันอยู่ ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของคุณ สำหรับพาแนล TN และ VA เป็น 2 พาแนลที่ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนัก โดยพาแนลทั้ง 2 แบบนี้จะเหมาสำหรับคนที่ต้องการหาหน้าจอสำหรับใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือเล่นเกมที่ไม่ได้ต้องการความละเอียดของภาพสูงสุด สำหรับพาแนล IPS จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้หน้าจอความละเอียดสูง ๆ สามารถให้สีสันที่แม่นยำ มีความคมชัด สีไม่ผิดเพี้ยน และความตื้นลึกของสีที่ทำให้ภาพมีมิติมากขึ้น

2. ขนาดของหน้าจอ

ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับคุณ ว่าต้องการหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่มากแค่ไหน โดยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นสามารถเพิ่มอรรถรสในการใช้งานของคุณได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะใช้ทำงาน ดูหนัง หรือเล่นเกม แต่หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นก็จะมีราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งในบทความนี้เราได้เลือกรุ่นที่มีขนาดหน้าจอสูงสุดที่ 24 นิ้ว หากคุณต้องการหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้เราได้ทำการรีวิวไว้แล้ว

3. ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ให้มา

การใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันหลาย ๆ ชั่วโมงต่อวันนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตาของคุณได้ ดังนั้นหากคุณมีงบประมาณมากพอควรเลือกรุ่นที่มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการป้องกันสายตาของคุณ เช่น เทคโนโลยีการลดแสงสีฟ้า หรือเทคโนโลยีช่วยลดการสั่นหรือกระพริบของภาพ

4. ดีไซน์และขนาดของขาตั้งหน้าจอ

แน่นอนว่าหน้าจอหลาย ๆ รุ่นมีดีไซน์ที่แตกต่างกันอันนี้ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของคุณ ส่วนขนาดของหน้าจอนั้นก็มีความสำคัญ หากคุณทีพื้นที่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์จำกัด คุณอาจจะเลือกรุ่นที่มีการออกแบบให้ขาตั้งเล็ก เพื่อให้สามารถจัดวางได้ง่าย

5. ขอบของหน้าจอ และพอร์ตการเชื่อมต่อ

เราขอแนะนำให้เลือกหน้าจอที่มีขอบบาง ๆ จะดีกว่า เพราะนอกจากคุณจะได้ภาพลักษณ์ที่สวยงามขึ้นแล้ว ในอนาคตคุณสามารถซื้อหน้าจอมาเชื่อมต่อเพิ่มอีกตัวได้ ยิ่งหน้าจอมีขอบบางมากเท่าไหร่เมื่อวางติดกัน 2 หน้าจอ จะทำให้ภาพดูต่อเนื่องกัน ไม่มีขอบหน้ามากั้นแบ่ง ให้รำคาญสายตา พอร์ตการเชื่อมต่อเราขอแนะนำให้คุณใช้ Port HDMI จะมีคุณภาพที่สูงกว่า

                แหละนี่ก็เป็นข้อแนะนำดี ๆ ที่เราได้เอามาฝาก แต่ถึงอย่างไรก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น ก็อย่าลืมสำรวจความต้องการใช้งานของตัวเองด้วยว่าใช้งานด้านใดเป็นหลัก ทำงานเอกสาร พิมพ์งานทั่วไป งานกราฟิก ดูหนัง หรือเล่นเกม เมื่อรู้จุดประสงค์ในการใช้งานก็จะทำให้คุณสามารถเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์นำมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ในการทำงานของคุณได้อย่างคุ้มค่าค่ะ

#จอคอมพิวเตอร์ 


วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เคล็ดลับในการใช้งานนาฬิกา สมาร์ทวอทช์ ให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น

 

ปัจจุบันมีการนำเอาอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์เยอะขึ้นมาก ๆ แทบจะนับไม่ถ้วน  โดยหนึ่งในนั้นที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ นาฬิกา สมาร์ทวอทช์ ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมมาก ๆ ของคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ เพราะเจ้านาฬิกาสมาร์ทวอทช์นี้ อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นดี ๆ ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอย่างมากมาย รวมไปถึงการประเมินผลในส่วนที่สำคัญต่าง ๆ ของร่างกายให้ผู้ที่สวมใส่สมาร์ทวอทช์ได้รับรู้ว่าในแต่ละวันนั้นได้ออกกำลังกายไปเท่าไร ยิ่งถ้าเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ราคาแพง ๆ ก็จะยิ่งมีการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ และละเอียดมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เหล่าคนที่รักสุขภาพทั้งหลายจึงเลือกที่จะลงทุนในการซื้อนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่มีราคาแพงเอามาใช้งานกัน ซึ่งแน่นอนค่ะว่าเงินทองเป็นของหายาก เพราะฉะนั้นอะไรที่เสียเงินซื้อมาในราคาแพง ๆ ย่อมต้องดูแลอย่างดีเพื่อที่จะได้สามารถใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่ากับเงินที่เสีย เพราะแบบนี้เราจึงอยากเอาเทคนิคดี ๆ ในการถนอมนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเอามาฝาก พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ  

เทคนิคดี ๆ ที่ไม่ควรพลาดในการดูแลนาฬิกา สมาร์ทวอทช์ ให้สามารถใช้งานไปได้นาน ๆ

1.การเก็บรักษา

ห้ามทิ้งนาฬิกาออกกำลังกายเรือนโปรดของคุณไว้ในที่มีอุณหภูมิสูง หรืออุณหภูมิต่ำเป็นเวลานานอาจทำให้แผนวงจรภายในนาฬิกาเกิดความเสียหายได้ ควรเก็บไว้ในที่อุณหภูมิปกติและไม่อับชื้นและควรปิดโหมดที่ไม่จำเป็นหลังจากการใช้งานเช่น GPS และ Bluetooth จากสมาร์ทโฟนเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้นและช่วยรักษานาฬิกาเรือนโปรดของคุณ

2.หลีกเลี่ยงใกล้คลื่นแม่เหล็ก

โดยนาฬิกาทั่วไปไม่ควรอยู่ใกล้กับคลื่นแม่เหล็กเป็นเวลานาน อาจะทำให้นาฬิกาเสื่อมต่อการใช้งานได้

3.ป้องกันการกระทบกระเทือน

การกระทบกระเทือนส่งผลทำให้นาฬิกาเป็นรอยได้ ซึ่งปัจจุบันนาฬิกาออกกำลังกายบางรุ่น เลือกที่จะใช้กระจกกันรอยขีดข่วน แบบเดียวที่ใช้กับหน้าจอสมาร์ทโฟน แต่ทางที่ดีสุดควรติดฟิล์มกันรอยหรือกันกระแทก เพื่อช่วยป้องกันให้สภาพหน้าจอใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ส่วนตัวเรือนนาฬิกานั่นถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองกิจกรรมหรือกีฬา แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการกระทบอย่างรุนแรงต่อการใช้งงาน

4.หลังจากใส่ว่ายน้ำหรือเปียกน้ำ

สำหรับผู้ที่ใช้นาฬิกาออกกำลังกายกับกีฬาว่ายน้ำควรเช็คค่า ATM และ IPX ให้แน่ใจก่อน ซึ่งมาตรฐานกันน้ำ

ค่า ATM หรือ IPX ควรศึกษาจากคุณสมบัตินาฬิกาออกำลังกาย เพราะบางรุ่นกันน้ำได้แค่ ล้างมือ ฝนตก เป็นต้น

5. การดูแล

ถ้าเป็นนาฬิกาสายหนัง ไม่ควรให้สายหนังโดนน้ำ เพราะน้ำจะลดอายุการใช้งานสายหนัง ทำให้ต้องเปลี่ยนสายอยู่ตลอดและควรหลีกเลี่ยงการอาบขณะใส่นาฬิกา เพราะ สบู่หรือแชมพู อาจจะเข้าเกาะในนาฬิกาได้

นาฬิกา สมาร์ทวอทช์ ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองในการใช้ชีวิตประจำวัน และเล่นกีฬา สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตนเองและคนในครอบครัว เมื่อซื้อสมาร์ทวอทช์รุ่นที่สนใจมาแล้ว อย่าลืมใส่ควบคู่กับการทำกิจวัตรประจำวันในการออกกำลังกายของคุณเพื่อที่จะช่วยรักษาสุขภาพ และพัฒนาความแข็งแรงของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น และต้องไม่ลืมที่จะใส่ใจในการดูแลรักษา นาฬิกา สมาร์ทวอทช์ด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้ใช้งานไปได้นาน ๆ ค่ะ

#สมาร์ทวอทช์ 

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

วิธีสังเกตแบตมือถือว่าเสื่อมหรือไม่ รวมถึงวิธีในการดูแลมือถือให้มีแบตทนที่คุณห้ามพลาด

 


ต้องยอมรับเลยว่าในทุกวันนี้มือถือแทบจะกลายมาเป็นอวัยวะอีกส่วนอหนึ่งของร่างกายเราไปแล้ว เพราะแทบทุกกิจกรรมจะไปรวมอยู่ที่มือถือทั้งหมดทั้งการทำงาน ติดต่อลูกค้า ดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้สำหรับเล่นเกม ดังนั้นถ้าแบตเตอรี่มือถือไม่ทน ก็อาจจะทำให้แบตหมดเร็วระหว่างการใช้งานได้ ถึงแม้จะมีแบตสำรองอย่างเพาเวอร์แบงค์ให้ใช้แต่ก็สู้มีมือถือแบตทนไม่ได้หรอก ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหามือถือที่มีแบตทน ใช้งานได้นาน โดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ ก็ตามเรามาทางนี้เลย เพราะวันนี้เรามีวิธีเช็คแบตเตอรี่มือถือและวิธีดูแลให้แบตมือถือทนทาน และมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นเอามาฝากทุก ๆ คนด้วย พร้อมแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ

ด้วยความที่แบตเตอรี่ในโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะใช้ Lithium Ion กัน โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 - 3 ปี หลังจากนั้นก็เริ่มเสื่อมตามสภาพการใช้ รวมถึงวิธีดูแลให้มือถือแบตทนยาวนาน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. สังเกตจากการใช้งาน

ปกติ หากเราใช้งานทั่วไปบนโทรศัพท์มือถือ ระดับแบตเตอรี่ที่แสดงผลเป็นหน่วย % นั้นจะค่อย ๆ ลดลงที่ละ 1% และจะลดลงโดยเฉลี่ย 1-2% ต่อครั้งเท่านั้น เมื่อใช้งานหนักมากขึ้นเช่น เล่นเกมส์ ดูหนัง ใช้งานอินเตอร์เน็ต 4G หรือ 3Gให้สังเกตว่าระดับแบตเตอรี่ลดลงมากเกินกว่านี้ใน 1 ครั้ง หรือลดแบบกระโดก็ให้สันนิฐานเบื้องต้นว่า แบตเตอรี่โทรศัพท์ของเราอาจเริ่มหมดอายุการใช้งานแล้ว

2. เช็คสภาพตัวแบตเตอรี่ด้วยสายตา

การเช็คสภาพแบตเตอรี่ด้วยวิธีนี้ นับเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในหลายๆ วิธี นั้นคือการถอดตัวแบตเตอรี่ออกมาดูสภาพภายนอก ซึ่งโดยปกติแล้วแบตเตอรี่จะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บวม บิดเบี้ยว หรือมีรอยถลอกจนเห็นเนื้อในของแบตเตอรี่รูปทรงทั้งหมดต้องอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนซื้อครั้งแรก (โดยปกติทั่วไปแล้วแบตเตอรี่จะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมแบนราบ)

3. ทดสอบด้วยการหมุน

ในบางครั้งการมองด้วยสายตา ตามวิธีการที่ 2 นั้น ก็อาจทำให้เราสังเกตแบตเตอรี่ที่บวมออกเพียงเล็กน้อยได้ไม่ถนัดนัก ดังนั้นเราสามารถเช็คผลการสังเกตุอีกครั้ง ด้วยการนำแบตเตอรี่ ก้อนที่เราสงสัยมาทำการหมุนหรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง โดยส่วนมากแล้วแบตเตอรี่เดิม ๆ จะสามารถหมุนได้ไม่เกิน 1 รอบเท่านั้น แต่หากแบตเตอรี่ที่เรานำมาเช็คหมุนได้หลายรอบ นั้นแปลว่าแบตเตอรี่ก้อนนั้นอาจบวม และหมดสภาพการใช้งานไปแล้ว

4. ตรวจสอบด้วยแอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรม

การนำแอพพลิเคชั่น หรือโปรแกรมตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่มาใช้ก็นับเป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือ บางรุ่นนั้นไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ออกมาทดสอบได้ สำหรับตัวของแอพพลิเคชั่นนั้นสามารถเลือกดาวน์โหลดมาใช้งานได้ตามความสนใจของผู้ใช้งานได้เลย

วิธีดูแลให้มือถือแบตทนยาวนานยืดอายุการใช้งานออกไปมีอะไรบ้าง?

ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมือถือเกือบทั้งหมด จากหลายปัจจัยและสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น

1.ไม่ใช้งานโทรศัพท์มือถือ ขณะชาร์จไฟแบตเตอรี่

2.ไม่ใช้อุปกรณ์การชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน

3.การใช้งานแบตเตอรี่จริงเท่านั้น (แบตเตอรี่ปลอมอันตรายมากอาจเสี่ยงถึงขั้นเกิดการระเบิดได้)

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับวิธีเช็คสภาพมือถือ และวิธีดูแลมือถือให้มีแบตที่ทนต่อการใช้งานที่เราเอามาฝาก หวังว่าจะสามารถช่วยให้คุณมีมือถือแบตทน หมดปัญหาเรื่องแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเสื่อมเร็วได้นะคะ ซึ่งการที่มีแบตมือถือที่เสื่อมเร็วนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันอาจนำไปสู่อันตรายและปัญหาในเครื่องหลายอย่างได้ และต้องไม่ลืมที่จะตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนใช้งานด้วยนะคะ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ค่ะ

#มือถือแบตทน


วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ประโยชน์ดี ๆ มากมายจากการใช้นาฬิกาวัดชีพจรที่คุณอาจจะยังไม่รู้

 


ทุกวันนี้กระแสของการรักสุขภาพเริ่มมาแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยในการดูแลสุขภาพอย่างนาฬิกาวัดชีพจรที่เป็นเหมือนอุปกรณ์ประจำตัวของเหล่าบรรดาคนรักสุขภาพเลยก็ว่าได้ เพราะนาฬิกาวัดชีพจร จะมีหน้าที่คอยบอกเวลา มีเซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจ และคอยบันทึก เก็บสถิติอัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวันให้ผู้ที่สวมใส่ได้รับรู้ และสามารถนำไปเตรียมตัววางแผนในการออกำลังให้ตนเองได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ว่าแต่จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

                จัดอันดับนาฬิกาวัดชีพจรที่มีฟังก์ชันดี ๆ มากกว่าแค่การเอาไว้ใช้ออกกำลังกาย

1.Apple Watch

Apple Watch นาฬิกาวัดชีพจรที่ถือได้ว่าเป็นนาฬิกาอัจฉริยะหรือ Smart watch ที่นอกจากจะนำลิ่วในแง่ของความสวยงามมีหลากสไตล์ให้เลือกสรร สามารถใส่ได้ทั้งชายและหญิงแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยในการควบคุมการออกกำลังกาย ใช้ App เสริมรวมถึงควบคุม Apple TV ได้ อีกทั้งยังสามารถใช้เป็น Walkie-Talkie ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังใช้เป็นช่องมองกล้องเสริมสำหรับ iPhone เพื่อใช้ถ่ายรูปได้อีกด้วย

2. Samsung Gear S3 Frontier

นาฬิกาวัดชีพจรที่รวมทั้ง Sport Watch และ Smart Watch จากแบรนด์มือถือชื่อดัง Samsung ทั้งตัวเรือนและหน้าปัดสวยงามคลาสสิกมาก  มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบครัน โทรเข้า-ออกได้ ใส่เพลงในเครื่องก็ยังได้ เรียกว่าใช้แทนโทรศัพท์ได้เลย แถมราคายังดีมาก ๆ เทียบกับฟีเจอร์ระดับนี้ Samsung Gear S3 Frontier มีตัวเรือนและหน้าจอสวยงาม มีดีไซน์สุดล้ำ มีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจในตัว มีลำโพงในตัว สามารถดาวน์โหลด Application เสริมได้ แบตอึด อยู่ได้นานถึง 4 วัน

3. Suunto Spartan Sport Wrist HR

Suunto อีกหนึ่งแบรนด์สปอร์ตชื่อดังระดับท็อป สำหรับ Suunto Spartan Sport Wrist HR เป็นรุ่นมัลติสปอร์ต สามารถ Track การเล่นกีฬาได้ถึง 80 ชนิด รูปนร่างหน้าตาดูเรียบ ๆ ไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ แต่ก็ใส่ใช้ในชีวิตประจำวันได้สบาย หน้าตาไม่ค่อย Sport มาก หน้าตาดูเรียบ ๆ เป็นระบบสัมผัสใช้งานง่าย และสามารถใช้ปุ่มกดแทนการทัชสกรีนได้ 100% มีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจในตัว มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ 3 ตัวที่เค้าคุยว่าวัดได้แม่นยำมาก ๆ รองรับการออกกำลังกายได้ถึง 80 ชนิดแบตอึด สามารถใช้งานในโหมด GPS ได้นานต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง

                พอเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับอย่างมากมายจากการใช้นาฬิกาวัดชีพจรขนาดนี้แล้ว จึงไม่แปลกใจเลยที่คนรักสุขภาพส่วนใหญ่จึงได้ลงทุนซื้อเพื่อนำมาใช้ร่วมกันกับการออกกำลังกายทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีกนั่นเองค่ะ

#นาฬิกาวัดชีพจร

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

รวมเทคนิคการเลือกหูฟังบลูทูธออกกําลังกายที่ไม่ควรพลาด

 


      รู้ไหมคะ ว่าการฟังเพลงในขณะที่ออกกำลังกาย ช่วยให้สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากร่างกายของมนุษย์มีการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับจังหวะดนตรีอยู่เสมอ และทำให้อัตราการเต้นของหัวใจมีประสิทธิภาพขึ้น ส่งผลไปยังระบบเผาผลาญที่ทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งแต่ก่อนนั้นเราจะเลือกใช้เครื่องเสียงต่าง ๆ เช่น เทป เครื่องเล่นซีดีหรือ ลำโพงบลูทูธ เข้ามาใช้ในการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ก่อนที่จะมีการพัฒนามาเป็น หูฟังบลูทูธออกกําลังกาย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถที่จะฟังเพลงได้อย่างเป็นส่วนตัวแถมยังพกพาไปได้ง่ายสะดวกมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นหากใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและอยากที่จะมีหูฟังบลูทูธออกกําลังกายดี ๆ เอาไว้ใช้งานแล้วละก็ควรที่จะต้องอ่านบทความนี้เลยค่ะ เพราะเราเอาเทคนิคดี ๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกซื้อหูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกายเอามาฝาก พร้อมแล้วก็มาดูกันเลย

     วิธีการเลือกซื้อหูฟังบลูทูธออกกำลังกาย

1.เลือกชนิดหูฟัง – เราควรจะเลือกชนิดของหูฟังในแบบที่เราต้องการเสียก่อน ซึ่งตัวหูฟังนั้น ก็มีให้เลือกใช้หลากหลายชนิดสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังทั้งแบบมีสาย ไม่มีสาย หรือจะเป็นหูฟังแบบ In ear และคล้องคอ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ล้วนมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป

2.หูฟังน้ำหนักเบาจะเลื่อนหลุดได้ยากกว่า – อีกหนึ่งปัจจัยหลักสำหรับการเลือกหูฟังบลูทูธออกกำลังกายนั่นก็คือ การเลือกหูฟังที่เบาและหลุดได้ยาก เพราะว่าถ้าหากเราเลือกไม่ดี ปัญหาดังกล่าวอาจจะสร้างภาระให้ในขณะออกกำลังมากกว่ามอบความสุขนั่นเอง

3.หูฟังกันน้ำ ช่วยให้ไม่หลุดระหว่างออกกำลังกาย – หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อยู่คู่กับการออกกำลังกายนั่นก็คือเหงื่อ ฉะนั้นการเลือกหูฟังออกกำลังกายที่กันน้ำและมีคุณสมบัติที่ไม่ลื่นไหลหลุดไปจากหูเราได้ง่าย จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยแรก ๆ ที่ควรนึกถึง

4.เลือกหูฟังแบบไร้สาย ไม่เกะกะ – ความคล่องตัวก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญสำหรับการเลือกหูฟัง Bluetooth สำหรับออกกำลังกาย ฉะนั้นหูฟังไร้สายที่เป็นก้านเกาะหูถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ใสแว่น

5.หูฟังแบบคล้องคอ – หูฟังแบบคล้องคอถือเป็นหูฟังอีกประเภทที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้เรื่องความคล่องตัวแล้ว ตัวหูฟังบลูทูธชนิดนี้ ยังมีให้เลือกแบบสอดหู In-ear หรือเกี่ยวหู และเหมาะสำหรับคนที่ใส่แว่นมากกว่า

6.ระยะเวลาของแบตเตอร์รี่ให้เหมาะกับการใช้งาน – แต่ละคนก็มักจะมีระยะเวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายที่ต่างกันไป และการจะเลือกซื้อหูฟัง Bluetooth ยี่ห้อไหนดี ก็ควรจะคำนึงถึงระยะเวลาของแบตฯ ที่สามารถเปิดใช้งานได้นานสุดด้วยเช่นกัน

7.เลือกใช้คู่กับอุปกรณ์ที่เข้ากัน เพื่อเสียงที่ดีขึ้น – นอกจากความสะดวกสบายและความสามารถในการใช้งานแล้ว คุณภาพเสียงก็เป็นอีกสิ่งที่คนชอบฟังเพลงจะขาดไปเลยไม่ได้ ฉะนั้นนอกจากตัวหูฟังแล้วเราควรจะเลือกอุกรณ์ที่สามารถเข้ากับคุณภาพเสียงของหูฟังเราได้ด้วย ซึ่งใครที่ใช้แอนดรอยด์ก็ให้เลือกรุ่นที่สามารถใช้กับระบบ aptx ได้ ส่วนคนที่ใช้เป็นไอโฟน ก็ให้เลือกระบบ AAC นั่นเอง

                เมื่อผู้ใช้รู้ถึงความต้องการของตัวเองก็จะทำให้สามารถเลือกประเภทหูฟังบลูทูธออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น และตอบโจทย์กับความต้องการใช้งานของตนเองได้มากที่สุด สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังบลูทูธไปใช้งานขณะขับขี่หรือเดินทางตามท้องถนน ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับเสียงรอบข้างหรือเสียงจากภายนอกด้วยนะคะ 

#หูฟังบลูทูธออกกําลังกาย

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

วิธีในการเลือกหูฟังบลูทูธให้เหมาะสมต่อการนำมาใช้งาน

 

                     ต้องบอกเลยว่าในทุกวันนี้หูฟังบลูทูธกลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มหลักที่คนยุคใหม่สนใจ และนิยมใช้กันเยอะมาก ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนเราก็มักจะเห็นผู้คนใส่หูฟังกันอยู่ตลอด ๆ แหละที่สำคัญหูฟังที่เป็นแบบบลูทูธนั้นเจะใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่าหูฟังแบบมีสาย เพราะไม่ต้องคอยคลี่สาย หรือเก็บสายหูฟัง นอกจากนี้ยังไม่มีสายมาคอยเกะกะเวลาใส่ฟังเพลงเดินไปไหนต่อไหนด้วย เรียกได้ว่าตรงกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แบบสุด ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สินค้าอย่างหูฟังบลูทูธจึงกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ  โดยในปัจจุบันก็มีหูฟังบลูทูธหลายรูปแบบให้ได้เลือกใช้กันเยอะ จนทำให้หลาย ๆ คน แทบจะเลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว เอาเป็นว่าถ้าใครเป็นหนึ่งในนั้นที่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะใช้หูฟังบลูทูธแบบไหนดีอยู่ล่ะก็ตามเรามาทางนี้ได้เลย เดี๋ยวเราจะพาไปรู้จักกับหูฟังบลูทูธแต่ละประเภทและความเหมาะสมที่จะนำมาใช้งานให้เอง

                ประเภทของหูฟังบลูทูธและความเหมาะสมในการเลือกนำมาใช้งาน

1. หูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกาย

ในส่วนของหูฟังบลูทูธนั้น ได้มีการพัฒนาแยกออกเป็นเป็นหูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกายหรือที่เรียกว่าหูฟังแบบสปอร์ต ที่ถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อได้ดี ทั้งยังมีน้ำหนักเบา โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นหูฟังทั้งสองข้างจะต้องเชื่อมต่อด้วยกันด้วยสายเคเบิลเส้นเดียว เพื่อสะดวกต่อการใช้งานขณะออกกำลังกายมากที่สุด

2.หูฟังบลูทูธแบบ Headphone

อย่าวที่กล่าวไปแล้วในข้อหัวก่อนหน้านี้ ว่าเป็นหูฟังชนิดที่ครอบปิดหูของเรา เน้นใส่สบายได้โดยไม่รู้สึกเจ็บในระยะยเวลานาน ๆ เป็นหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี ดีมากจนบางครั้งอาจจะส่งผลทำให้เราไม่ปลอดภัย อาทิเช่น เราใส่หูฟังขณะมี่ข้ามถนนโดยก้มหน้าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ จนไม่ได้ยินเสียงแตรรถเป็นต้น ดังนั้นสำหรับผู้ที่จะใช้หูฟังประเภทนี้นอกสถานที่ จะต้องมีความระมัดระวังด้วยนะคะ

3.หูฟัง True Wireless

เป็นหูฟังไร้สายอย่างแท้จริง ไม่ต้องมีสายเคเบิ้ลเชื่อมต่อกันเหมือนหูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกาย อีกทั้งยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวก มากกว่าหูฟังบลูทูธแบบ Headphone ถือว่าเป็นหูฟังที่ออกมาตอบโจทย์คนที่ต้องการความสะดวกสบายอย่างแท้จริง ใน่สวนของดีไซน์นั้น สวยเก๋ ดูแปลกตา ล้ำสมัย แต่ยังคงความหรูหรา โดยหูฟังไร้สาย True Wireless จะแยกออกเป็น Earbud หรือ In-Ear ซึ่ง

4.หูฟัง Bluetooth แบบ MONO

เป็นหูฟังที่แตกต่างจากหูฟังที่เรารู้จักชนิดอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ตรงที่ว่ามันเป็นหูฟังที่มีเพียงข้างเดียวเท่า หูฟังโมโนนั้นเป็นหูฟังประเภทที่เมาะสำหรับคนที่ต้องการพูดคุยสื่อสาร มากกว่าใช้ในการฟังเพลง หรือดูหนัง เน้นการใช้งานที่สะดวก และเน้นการได้ยินเสียงจากภายนอกควบคู่ไปด้วย

                นอกจากการเลือกประเภทของหูฟังบลูทูธให้เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว อีกปัจจัยนึงที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อข้อมูลก็คือ เวอร์ชันของ Bluetooth ซึ่งหูฟังบลูทูธส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดจะเป็นเวอร์ชัน 3.0 ~ 4.1 ดังนั้นหากใครอยากได้หูฟังที่ช่วยให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว แนะนำให้เลือกเวอร์ชันสูง ๆ เข้าไว้ค่ะ

#หูฟังบลูทูธ

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ที่สุดของแท็บเล็ตราคาถูกคุณภาพดีที่คุณไม่ควรพลาด

 


แท็บเล็ต ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของหลาย ๆ คน ไม่แพ้โทรศัพท์มือถือ ด้วยประโยชน์ใช้สอยมากมาย แถมยังมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน ทำให้มองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ และเอาไว้ใช้ทำงานเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญในปัจจุบันก็มีแท็บเล็ตราคาถูกให้สามารถเลือกซื้อได้เยอะมากหลายยี่ห้อสุด ๆ เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจและอยากที่จะหาซื้อแท็บเล็ตดี ๆ ราคาถูก ๆ เอามาใช้สักเครื่องหนึ่ง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกยังไงหรือเลือกยี่ห้อไหนดี ก็สามารถตามเรามาทางนี้ได้เลย เพราะวันนี้เรามีแท็บเล็ตดี ๆ ราคาถูก ๆ เอามาฝาก เอาเป็นว่าถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลยค่ะ

ที่สุดของแท็บเล็ตราคาถูกคุณภาพดีที่คุณไม่ควรพลาด

1.Huawei MediaPad M5 Pro

ราคา 13,680 บาท

ตัวเครื่องที่โค้งเว้าแหว่งเล็กน้อยทำให้สะดวกและง่ายต่อการถือ ใช้หน่วยประมวลผล HiSilicon Kirin 960 octa-core 2.3GHz และ RAM 4GB เป็นแท็บเล็ตที่มีหน้าจอ IPS ความละเอียด 10.8 นิ้ว, 2,560 x 1,600 และมาพร้อมกับ M-Pen ที่ไวต่อแรงกด 4,096 ระดับ และมีทั้งการเชื่อมต่อ Wi-Fi และโทรศัพท์มือถือ (4G) มีกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่รวดเร็วทันใจ ด้านหลังมีกล้อง 13 ล้านพิกเซลและชุดลำโพง Harmon Kardon ถึง 4 ชุด ให้เสียงที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่อย่างไรก็ตามคุณจะไม่สามารถใช้หูฟังแบบมีสายในขณะกำลังชาร์จอุปกรณ์ได้ นั่นก็เพราะไม่มีพอร์ตแยก

2. Apple iPad Mini 5

ราคา 13,900 บาท

หากดูจากภายนอก อาจจะดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักระหว่าง iPad mini 4 และ iPad mini 5 แต่อันที่จริง iPad mini 5 ใช้ชิป Bionic A12 ตัวใหม่ของ Apple เหมือนดั่งที่เห็นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 2019 เสริมด้วย Neural Engine ที่ตัวช่วยชาญฉลาดสำหรับทำงานหรือตอบสนองความบันเทิงของคุณ มี RAM 3GB และกล้องหลัง 8MP, f/2.4 ที่ดี ทำงานบน iOS 12 ล่าสุด ทั้งยังมีขนาดกะทัดรัด บางเบา สามารถพกพาไปได้ทุกที่ รองรับ Apple Pencil ทั้งภาพและตัวหนังสือมีความคมชัดระดับสูง แบตเตอรีใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง

3. Samsung Galaxy Tab S4

ราคา 14,990 บาท

ถือว่าเป็นแท็บเล็ต Android ที่ดีที่สุดอีกรุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมันมีน้ำหนักเบา การออกแบบปกคลุมไปด้วยกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลังแต่กลับมีน้ำหนักอยู่ที่เพียง 482g และยังมีขนาดเล็กกว่า iPad Pro เล็กน้อย ในส่วนของหน้าจอนั้น ถือว่ามีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม แสดงผลความละเอียด 2,560 x 1,600 และใช้แผง Super AMOLED ที่ให้สีได้เข้มคมชัดภาพออกมากดูสวยงาม ทั้งยังรองรับสี HDR ใน Netflix และ YouTube อีกด้วย มีลำโพง AKG ถึง 4 ตัว ทำให้คุณเพลิดเพลินกับภาพยนตร์ได้เต็มที่ มาพร้อมกับกล้อง 13 ล้านพิกเซลด้านหลัง สามารถจับภาพที่มีรายละเอียดได้ดีและวิดีโอ 4K ที่ 30fps ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับเซลฟี่และวิดีโอแชท มีโหมดสแกนใบหน้าที่ทำงานได้ดี สำหรับ S Pen Stylus นี่เป็นรุ่นที่ใหญ่ มีความยาว 138 มม. น้ำหนัก 9 กรัม เป็นปากกาที่ทำงานได้ดีไหลลื่นเสมือนจริง ความไวต่อแรงกดได้ดี ควบคุมง่าย โดยรวมถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับแท็บเล็ต

                เป็นยังไงกันบ้างคะ กับยี่ห้อแท็บเล็ตราคาถูกที่เราได้เอามาฝาก หวังว่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นว่า แท็บเล็ตตัวไหนที่เหมาะกับคุณ ทั้งนี้และทั้งนั้นเมื่อเลือกซื้อแท็บเล็ตที่ถูกใจได้แล้วก็อย่าลืมดูแลเก็บรักษาแท็บเล็ตให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ด้วยการหากระเป๋าดี ๆ สักใบที่สามารถป้องกันแท็บเล็ตจากแรงกระแทกได้เป็นอย่างดีด้วยนะคะ

#แท็บเล็ตราคาถูก 


วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ระบบนำทางในการทำความสะอาดของหุ่นยนต์ทำความสะอาดในแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

 


ต้องบอกเลยว่า การทำความสะอาดบ้านให้บ้านสะอาดปราศจากฝุ่นในยุคนี้นั้นจัดว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ เพียงแค่คุณมีหุ่นยนต์ทำความสะอาดติดบ้านไว้จะสามารถช่วยให้คุณสบายขึ้นได้อีกเยอะเลยค่ะ เพราะหุ่นยนต์ทำความสะอาดในปัจจุบันมีขนาดเล็กกะทัดรัดและควบคุมการทำงานได้เองทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ต่างจากการลงมือทำเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะควบคุมการทำงานของมันได้แล้วบางรุ่นเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย มันสามารถคำนวณแผนที่ในห้องได้แม่นยำและทำความสะอาดได้หมดจดด้วยตัวมันเอง ทำให้มีเวลาไปทำอย่างอื่นอีกเยอะ โดยระบบนำทางหลัก ๆ ที่มีในตลาดตอนนี้ก็มีอยู่ 3 แบบ ด้วยกัน ว่าแต่จะมีแบบไหนและมีหลักการในการทำงานอย่างไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

หุ่นยนต์ทำความสะอาดจะมีระบบนำทางหลัก ๆ ดังนี้

1. กล้องสร้างแผนที่จำลอง Mapping Camera : การเดินทำความสะอาด หุ่นยนต์จะถ่ายรูปเป็นเฟรม ๆ และจดจำเป็นแผนที่ และจะใช้มันเป็นทางเส้นทางในการเดินทำความสะอาด แต่สำหรับในพื้นที่เฉพาะเจาะจง เช่น ตามมุมห้อง หรือพื้นที่ขนาดเล็ก คุณอาจจะต้องใช้รีโมทเพื่อควบคุมมัน เพื่อการทำงานที่ดีมากขึ้น

2. อินฟราเรดเซ็นเซอร์ Infrared Sensor :  โดยปกติมันจะเดินเป็นเส้นทางซิกแซก และใช้เซ็นเซอร์แบบอินฟราเรดที่ติดอยู่รอบ ๆ ตัวเครื่อง เพื่อยิงสัญญาณออกไปให้ตกกระทบตามวัตถุ และหาพื้นที่ว่างสำหรับการทำความสะอาด เมื่อมีวัตถุขวางทางเดิน มันก็จะจดจำและสร้างแผนที่ขึ้นมา ซึ่งแบบนี้จะค่อนข้างแม่นยำกว่าแบบแรก

3. เลเซอร์วัดระยะทาง Laser Distance Sensor : แบบนี้จะมีความแม่นยำและทำความสะอาดได้ครบทุกพื้นที่มากที่สุด เพราะ ด้านบนตัวหุ่นยนต์จะเป็นโดมกลม ๆ เป็นหัวยิงเลเซอร์ ที่จะหมุนรอบตัว ตลอดเวลา ไว้ใช้วัดระยะห่างจากวัตถุและจดจำพื้นที่ ที่ทำความสะอาดแล้วและยังไม่ได้ทำความสะอาด เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องยุ่งอะไรกับมันเลย

                แน่นอนว่าการมีหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีระบบนำทางต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดแรงและประหยัดเวลาในการทำความสะอาดไปได้เยอะ  ยิ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากแค่ไหน ก็ยิ่งแลกกับความแม่นยำและความอัจฉริยะของหุ่นยนต์ทำความสะอาดมากเท่านั้น  ซึ่งทำให้คุณสามารถวางใจได้เลยว่าบ้านของคุณจะสะอาดอย่างแน่นอนค่ะ

#หุ่นยนต์ทำความสะอาด