วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564

วิธีในการเลือกซื้อมือถือกล้องเทพที่ดีที่สุด

 


ปัจจุบันมือถือได้กลายเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถขาดไปได้เลยก็ว่าได้ เพราะมันรวบรวมแอปที่จำเป็นหลาย ๆ อย่างเอาไว้ให้หมด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องคิดเลข กล้อง เครื่องเล่นเสียง ไหนจะแอปอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เราสามารถดาวน์โหลดเอามาใช้งานได้มากมาย สารพัดประโยชน์สุด ๆ โดยเฉพาะเรื่องกล้องถ่ายรูปที่ต้องบอกเลยว่ามือถือบางรุ่นนั้นมีกล้องที่มีคุณสมบัติดีกว่ากล้องจริง ๆ เสียอีก หรือจัดว่าเป็นมือถือกล้องเทพเลยก็ว่าได้ และถ้าใครสนใจอยากจะมีมือถือกล้องสวย หรือกล้องเทพ ไว้ครอบครองแต่ไม่รู้ว่าต้องเลือกยังไง ก็สามารถตามเรามาทางนี้ได้เลยเดี๋ยวเราจะแนะนำวิธีการเลือกที่ดีที่สุดให้กับคุณเอง

วิธีในการเลือกซื้อมือถือกล้องเทพที่ดีที่สุด

1. ความละเอียดสูง ๆ ไม่ใช่ทุกอย่าง

หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดว่า “กล้องความละเอียดสูง ๆ คือกล้องที่ดีที่สุด” ซึ่งมันไม่จริงเสมอไป จริงอยู่ครับว่า ค่าพิกเซลสูง ๆ มันต้องดีกว่าอยู่ล้ว แต่สำหรับสมาร์ทโฟนหลายรุ่น มักจะนำจุดนี้มาขายคุณ ซึ่งความละเอียดของพิกเซล ก็คือจำนวนจุดที่แสดงอยู่ในภาพบนหน้าจอ รวมกันเป็นขนาดของไฟล์ภาพ มันช่วยให้คุณสามารถขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นได้โดยที่ยังมีรายละเอียดอยู่

ยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่างเจ้า Samsung Galaxy S20 Ultra ที่ให้เลนส์สูงสุดถึง 108MP ก็เพื่อรองรับการซูมไกลมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับ iPhone 11 มาพร้อมกล้องคู่แบบอัลตร้าไวด์และไวด์ มีความละเอียดเพียง 12MP เท่านั้น ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ภาพที่ถ่ายออกมาก็สวยไม่แพ้กัน หรือลองเทียบกับ มือถือราคาไม่เกิน 5,000 ก็จะมาพร้อมกล้องที่ความละเอียดสูงพอ ๆ กับไอโฟน 11 เลย แต่ภาพที่ได้กลับแตกต่างกัน ก็เพราะปัจจัยอื่นอีกมากมาย ฉะนั้นความละเอียดสูง ๆ ไม่ใช่ทุกอย่าง สำหรับกล้องมือถือ มันต้องประกอบด้วยหลาย ๆ ส่วน เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด

2. รูรับแสง (Aperture) เป็นสิ่งสำคัญ

รูรับแสง ซึ่งแทนค่าด้วย F/x.x ก็คือรูเล็ก ๆ ในเลนส์กล้องของเรา โดยหน้าที่ของรูรับแสงก็คือ ทำหน้าที่เปิดรับแสงให้ผ่านเข้าไปถึงเซ็นเซอร์รับภาพด้านใน ถ้าหากรูรับแสงเปิดได้กว้าง แสงก็ยิ่งผ่านเข้าไปได้มากนั่นเอง เช่น รูรับแสง f / 1.4 กว้างกว่ารูรับแสง f / 2.0 ซึ่งหมายความว่ากล้องจะให้แสงมากขึ้นและทำให้มีรายละเอียดของถาพมากขึ้น เพื่อควบคุมระยะโฟกัสของวัตถุให้เป็นแบบชัดตื้น หรือชัดลึกก็ได้

3. ขนาดของพิกเซล (PIXEL) และ ขนาดเซนเซอร์ (Sensor Size)

ขนาดของพิกเซลและขนาดเซ็นเซอร์มีความสำคัญเท่ากับรูรับแสง กล่าวคือ ขนาดของแต่ละพิกเซลจะกำหนดคุณภาพของภาพ ซึ่งต่างจากค่ารูรับแสงที่ใหญ่กว่าจะดีกว่า พูดง่าย ๆ คือ เซ็นเซอร์ของกล้องที่มีขนาดใหญ่จะสามารถรวบรวมข้อมูลได้มากขึ้นรวมถึงช่วงไดนามิกที่ดีขึ้นและลดสัญญาณรบกวนภาพ ในขณะที่ขนาดพิกเซลที่ใหญ่กว่าจะช่วยให้แสงส่องเข้ามามากขึ้นทำงานได้ดีขึ้นในที่แสงน้อย

ทีนี้คุณก็พอรู้และสามารถเลือกมือถือกล้องเทพที่เหมาะสมกับคุณได้แล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่คุณอาจจะมองข้ามมันไป รู้แบบนี้แล้วก็ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ บางทีคุณอาจได้รับประสบการณ์ดี ๆ ใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ กับการใช้มือถือเครื่องโปรดของคุณในการถ่ายรูปครั้งต่อ ๆ ไป ให้ออกมาได้อย่างสวยงามมากยิ่งขึ้นค่ะ

#มือถือกล้องเทพ

ซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดีให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

 


แท็บเล็ต ถือเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของหลาย ๆ คน ไม่แพ้โทรศัพท์มือถือ ด้วยประโยชน์ใช้สอยมากมาย แถมยังมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน ทำให้มองเห็นได้ง่ายและชัดเจนกว่า เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ และเอาไว้ใช้ทำงานเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าการจะซื้อแท็บเล็ตสักอันหนึ่งก็ไม่ใช่ราคาถูก ๆ เพราะฉะนั้นควรต้องศึกษาถึงรายละเอียดของเครื่องให้ดี แต่ถ้าใครยังไม่มีรุ่นแท็บเล็ตที่อยากได้และไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดีอยู่ละก็ เราก็อยากจะเสนอแท็บเล็ตตัวเจ๋ง ๆ เอาไว้ให้พิจารณาหรือเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมในการเลือกซื้อว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะรุ่นไหนบ้างที่ควรมีไว้ในการครอบครอง

หลักการในการเลือกซื้อแท็บเล็ตยังไง หรือซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดีให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

1.เลือกแท็บเล็ตจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ

แท็บเล็ต Android ในปัจจุบันนั้นมีวางจำหน่ายค่อนข้างมาก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป บางเจ้าก็โดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยี บางเจ้าก็โดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่า ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่า หากเราเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือ ก็ย่อมลดโอกาสในการได้มาซึ่งของด้อยคุณภาพไปด้วย

2.เลือกแท็บเล็ตแบบใส่ซิมการ์ดได้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

ในอดีต แท็บเล็ตบางรุ่นจะไม่สามารถใส่ซิมการ์ดได้ จึงกลายเป็นปัญหาสำหรับคนที่ต้องการต่ออินเทอร์เน็ตเวลาอยู่ข้างนอก แต่แท็บเล็ตยี่ห้อชั้นนำในปัจจุบันนั้นถูกปรับให้สามารถใส่ซิมการ์ดได้แล้ว เรียกได้ว่าแทบจะทุกรุ่นเลยทีเดียว เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและยังสามารถใช้โทรเข้า-ออกเมื่อต้องการติดต่อกับผู้อื่นได้อีกด้วย ดังนั้น ควรเลือกรุ่นที่ใส่ซิมการ์ดได้ โดยเฉพาะซิมสำหรับ 4G หรือ 5G จะถือว่าตอบโจทย์กับยุคสมัยมากที่สุด

3.เลือกขนาดหน้าจอของแท็บเล็ตที่เหมาะสม

โดยปกติแล้ว แท็บเล็ตจะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว โดยประมาณ แต่ก็มีขนาดอื่น ๆ ให้เลือกด้วยเช่นกัน อาทิ ขนาดจอ 7 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว ซึ่งจะมีวางจำหน่ายค่อนข้างน้อย โดยการจะเลือกซื้อขนาดหน้าจอประมาณไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน หากคุณเน้นความสะดวกในการพกพาไปไหนมาไหน ขนาด 7 - 8 นิ้ว ถือว่าเหมาะสมที่สุด เพราะใหญ่กว่าสมาร์ตโฟนบางรุ่นไม่มากนัก น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้โดยไม่เกะกะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับหลักการในการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่เรานำมาฝากเชื่อเลยว่าหากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลไว้จะต้องตัดสินใจได้ยาก หรือไม่รู้ว่าควรที่จะต้องเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดี ที่จะมาตอบโจทย์ในการใช้งานของคุณ เพราะแท็บเล็ตที่มีวางขายอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีมากมายหลายรุ่นจริง ๆ แถมบางรุ่นบางยี่ห้อก็ไม่มีศูนย์บริการ อาจจะกลายเป็นสูญเงินฟรีไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อด้วยนะคะ

#ซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดี

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564

8 วิธีในการเลือกซื้อนาฬิกา smartwatch ที่จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง

 




ในทุกวันนี้มีการนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเยอะมาก ๆ ซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์เหล่านั้นก็มีเจ้า นาฬิกา smartwatch อยู่ด้วย โดยเจ้า นาฬิกา smartwatch สามารถตอบสนองผู้ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วได้เป็นอย่างดี และทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้หลายอย่าง เพียงแค่เชื่อมต่อกับมือถือผ่านแอปพลิเคชันก็รับ - ตอบข้อความ, โทรศัพท์หรือฟังเพลงได้โดยที่คุณไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเลย บางรุ่นยังตอบโจทย์สายสปอร์ตชอบออกกำลังกายเพราะสามารถวิเคราะห์อัตราการเต้นของหัวใจ, จับก้าวเดิน ฯลฯ และอื่น ๆ ได้อีกเพียบ ซึ่งถ้าใครที่สนใจ และอยากมีไว้ในครอบครองแต่ไม่รู้ถึงวิธีในการเลือกซื้อ ก็สามารถตามเรามาทางนี้ได้เลย เพราะเรามีวิธีเกี่ยวกับการเลือกซื้อนาฬิกา smartwatch เอามาฝาก ว่าแต่จะมีวิธีในการเลือกซื้อยังไงบ้างนั้นตามมาดูกันได้เลย

            การเลือกซื้อนาฬิกา smartwatch ให้ตอบโจทย์ในการใช้งาน

1.เลือกฟังก์ชันตามไลฟ์สไตล์

สมาร์ทวอทช์รุ่นเบสิค ๆ จะสามารถวัดการเต้นของหัวใจและจำนวนก้าวเดินได้ แต่อาจจะไม่สามารถวัดความดัน การเผาผลาญไขมันหรือการนอนหลับ การเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์เราควรคำนึงถึงความต้องการของเราว่าจำเป็น หรืออยากได้ฟังก์ชันใดบ้างสังเกตุจากการใช้ชีวิตในแต่ละวันของเรา

2.เลือกรุ่นที่สามารถใช้เป็นสมาร์ทโฟนได้ด้วย

สมาร์ทวอทช์ที่มีฟังก์ชันสมาร์ทโฟนด้วย ถือว่าเป็นรุ่นที่สะดวกมากสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันสามารถเตือนเวลามีข้อความเข้าหรือบางรุ่นใช้เช็คอีเมลหรือใช้รับโทรศัพท์ได้โดยที่ไม่ต้องหยิบมือถือออกมาก็ได้ และด้วยรูปร่างภายนอกที่เหมือนกับนาฬิกาข้อมือทั่วไปจะใส่ไปทำงานก็ไม่รู้สึกแปลก หรือดูไม่เหมาะสม

3.เลือกจากวัสดุและสีสันของตัวเรือน

สายของสมาร์ทวอทช์ควรเลือกชนิดที่มีความอ่อนนุ่ม เพราะเมื่อเราใส่บายเวลาเทรนนิ่งแม้ตัวสายจะกระทบกับผิวก็ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ถ้าเลือกชนิดที่เป็นสายซิลิโคนก็จะกันน้ำกันเหงือและสามารถล้างสิ่งสกปรกออกได้ ช่วยรักษาให้นาฬิกาสะอาดน่าใช้อีกด้วย สีสันของตัวเรือนถ้าเลือกสีที่เข้มหน่อยอย่างสีน้ำเงินหรือสีดำก็จะช่วยอำพรางรอยขูดขีดหรือคราบต่าง ๆ ได้ด้วยค่ะ

4.แนะนำให้เลือกซื้อรุ่นที่ใช้ระบบ IP67 หรือมากกว่า เพื่อประสิทธิผลด้านการกันฝุ่นและกันน้ำ

IP Code คือประสิทธิภาพในการกันน้ำและกันฝุ่นซึ่งมีอยู่ในสมาร์ทวอทช์ทั่วไป ตัวอย่างเช่น IP67 หมายถึงระดับการป้องกันฝุ่นอยู่ที่ระดับ 6 และป้องกันน้ำได้ที่ระดับ 7 ยิ่งคนที่ใช้สมาร์ทวอทช์ในการทำกิจกรรม Outdoor ต่าง ๆ แล้วละก็ความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำเป็นเรื่องสำคัญค่ะ

5.ตรวจสอบเรื่องสมรรถภาพของแบตเตอรี่

นาฬิกาอัจฉริยะก็เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นหนึ่งที่ต้องการแบตเตอรี่มาช่วยในการทำงาน ซึ่งสำหรับสมาร์ชวอทช์นี้แบ่งประเภทของแบตเตอรี่ออกได้เป็น 2 ลักษณะคือแบบเปลี่ยนก้อนแบตเตอรี่กับแบบชาร์จไฟ ซึ่งแบบแรกมีข้อดีตรงที่ให้คุณใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานแรมปี ในขณะที่แบบที่สองนั้นคุณต้องชาร์จไฟเติมแบตฯ อยู่เสมอแต่ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้

6.ตรวจสอบอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อ

คุณสมบัติที่ดีอีกอย่างของนาฬิกาอัจฉริยะคือคุณสามารถเชื่อมต่อข้อมูลจากนาฬิกาลงสมาร์ทโฟน/คอมพิวเตอร์ของคุณได้ด้วย ถือเป็นการแบคอัพข้อมูลของคุณไม่ให้หายไป มีประโยชน์กรณีที่คุณต้องการติดตามผลการออกกำลัง, อัตราการหายใจหรือการนอนหลับในช่วงสัปดาห์/เดือนที่ผ่านมาได้

7.รูปลักษณ์ภายนอก

ดังที่กล่าวไปแล้วว่านาฬิกาอัจฉริยะเป็นให้คุณได้หลายอย่าง นอกจากบอกเวลาแล้วยังเป็นอุปกรณ์ดิจิตอลคู่ใจหรือเป็นเครื่องมือช่วยวัดสภาพร่างกายได้ด้วย ดังนั้น ในการเลือกซื้อจึงควรคำนึงถึงเรื่องดีไซน์ตัวเรือนที่เหมาะสม เลือกสีเบสิค ๆ ที่ใส่ได้ในทุกโอกาสเช่น ไปทำงาน, ไปเรียนหนังสือ, ไปติดต่อธุรกิจ, ไปออกกำลังกายหรือบางคนก็สวมเวลานอนด้วยเพื่อวัดค่าการนอนหลับ เป็นต้น

8.เลือกจากราคา

ราคาของนาฬิกาอัจฉริยะมีช่วงความต่างค่อนข้างกว้างตั้งแต่หลักร้อย – หลักหมื่น และอาจเป็นหลายหมื่นหากว่าเป็นสินค้าแบรนด์เนมระดับไฮเอน ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วความต่างของราคานั้นมีผลมาจากคุณสมบัติและดีไซน์เฉพาะตัวของแต่ละรุ่น

            หากคุณกำลังมองหานาฬิกา smartwatch ทั่วไป ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ใดเป็นพิเศษ เราขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการตั้งราคาที่ต้องการในใจเพื่อกระชับกรอบสินค้าที่คุณต้องชั่งใจเลือกค่ะ หากราคาเกินกว่าที่ตั้งไว้ก็ตัดทิ้งไป คงเหลือไว้เพียงรุ่นที่ต้องการแล้วจากนั้นค่อยมาเปรียบเทียบกันว่าสมาร์ทวอทช์รุ่นใดที่เข้าตาบ้าง

#นาฬิกา smartwatch 

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2564

ความรู้เบื้องต้นในการเลือกใช้งานแท่นชาร์จไร้สายให้ถูกวิธี

 


ในปัจจุบันโทรศัพท์หลายรุ่นเริ่มรองรับการชาร์จแบบไร้สายมากขึ้น จึงทำให้แท่นชาร์จไร้สายกลายเป็นที่นิยม ซึ่งการที่มีแท่นชาร์จไร้สายนี้ช่วยให้สามารถใช้งานได้สะดวกขึ้น เพราะไม่ต้องเสียบสายชาร์จโดยตรงแค่เอาวางไว้กับแท่นชาร์จก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย และเวลาหยิบใช้งานก็ไม่ต้องดึงสายออกสามารถหยิบไปใช้งานได้เลย และที่ดีสุด ๆ คือไม่ต้องมาเกะสายชาร์จที่พันกันให้วุ่นวาย ทั้งสะดวก และรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการเลือกแท่นชาร์จไร้สายเพื่อเอามาใช้งานก็ควรที่จะต้องเลือกให้เป็นด้วย หรือถ้าใครที่ยังเลือกไม่เป็นก็สามารถตามเรามาทางนี้ได้เลย เพราะเราจะแนะนำให้เองว่าต้องควรเลือกยังไง แต่ก่อนอื่นเราขออธิบายเกี่ยวกับที่ชาร์จแบบไร้สายสักนิดหนึ่งนะคะ

ที่ชาร์จไร้สายมีหลักการทำงานอย่างไร

การชาร์จแบบไร้สาย หลักการคือ มีการใช้แถบอิเล็กทรอนิกส์ในการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้า ระหว่างแท่นชาร์จ และมือถือที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ถามว่าสายชาร์จล่ะ สายก็เอาไปเสียบกับแท่นชาร์จ ไฟเข้าแท่นชาร์จ แต่เราไม่ต้องเอาสายไฟเสียบตูดมือถือบนแท่นชาร์จจะมีแผ่นคอยล์ เมื่อแถบบนมือถือ (หลังเครื่อง) สัมผัสกับแท่นชาร์จ ที่เสียบไฟอยู่ ก็จะมีการเหนียวนำกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จมือถือได้ แต่นั่นก็หมายความว่า แท่นชาร์จต้องวางอย่างมั่นคง และวางมือถือให้ตัวส่งและตัวรับตรงกับแผ่นวงจรชาร์จไร้สายด้วยการชาร์จไฟแบบไร้สาย ไม่ได้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่รองรับทุกอุปกรณ์ที่ชาร์จแบบไร้สายได้ เพียงแต่ที่เราเห็นกันเยอะ ๆ ก็คือชาร์จมือถือนั่นเอง

วิธีการเลือกแท่นชาร์จไร้สายที่ถูกต้อง

โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.Coil หลายชิ้น ข้อดีของประเภทแบบนี้ คือ พื้นที่ในการจ่ายพลังงานค่อนข้างกว้าง ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถวางมือถือหรือแท็บเล็ตบนแท่นได้หลายแนว เช่น แนวตั้งและแนวนอน ไม่ต้องวางตรงเป๊ะก็ชาร์จได้ แต่อาจจะทำให้ขนาดของแท่นชาร์จมักจะใหญ่กว่ารุ่นอื่น ๆ และมีราคาที่สูงกว่าด้วย

2.Coil เดียว แน่นอนว่าขนาดของแท่นชาร์จจะเล็กกว่าและราคาถูกกว่าแบบแรก เพราะเพื่อน ๆ ต้องวางมือถือให้ตรงแนว Coil เท่านั้นไม่เช่นนั้นอาจไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้

เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันจัดการกับความร้อนขณะที่ชาร์จได้

อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอเหตุการณ์ “เครื่องร้อนตอนชาร์จแบตเตอรี่ยิ่งถ้าชาร์จด้วยแท่นชาร์จที่ทำงานด้วยระบบ Qi ยิ่งต้องใส่ใจมากขึ้นเลยค่ะ เพราะกระบวนการการเหนี่ยวนำกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งไวต่อแบตเตอรี่ โดยเฉพาะชนิด Lithium-ion จนอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงเร็วขึ้น มีรายงานว่าเกิดกรณีที่ถึงขั้นตัวชาร์จหลอมละลาย ทำให้มือถือด้านนอกเสียหายไปด้วย เราจึงควรเลือกซื้อรุ่นที่มีฟังก์ชันตัดกระแสไฟฟ้าทันทีที่ตรวจจับอุณหภูมิได้สูงกว่าปกติได้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

จบไปแล้วสำหรับวิธีเลือกแท่นชาร์จไร้สายที่น่าสนใจ ส่วนจะเลือกแบรนด์อะไรกันบ้างก็แล้วแต่ความชอบของคุณ แต่เราขอแนะนำให้เลือกราคาที่สมเหตุสมผล แบรนด์น่าเชื่อถือ และของแท้มีคุณภาพมีใบรับประกันด้วยก็ยิ่งดีค่ะ

#แท่นชาร์จไร้สาย

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2564

5 สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่น

 


การทำความสะอาดบ้านให้สะอาดปราศจากฝุ่นละอองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะบนพื้นพรมที่สะสมสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าไว้เยอะมาก อาจทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย อย่างเช่น โรคระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ หรือโรคติดเชื้ออื่น ๆ ได้ ดังนั้นการมีตัวช่วยที่สามารถทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมเข้าได้แม้กระทั้งซอกเล็ก ๆ ได้อย่างเครื่องดูดฝุ่นเล็กจึงเป็นอะไรที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีและตรงจุดมาก ๆ ซึ่งในการเลือกเครื่องดูดฝุ่นเล็กเพื่อนำมาใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นนั้น ควรเลือกพิจารณาดังต่อไปนี้

เลือกเครื่องดูดฝุ่นเล็กยังไงให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ต่อการใช้งาน

1.เลือกจากระบบการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น

ระบบการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรพิจารณาก่อนซื้อเป็นลำดับต้น ๆ เพราะเครื่องดูดฝุ่นที่มีวางขายในท้องตลาดนั้นมีระบบการทำงานหรือวงจรเครื่องดูดฝุ่นที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว เครื่องดูดฝุ่นปกติที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงานอยู่ที่ประมาณ 700 -1600 วัตต์ ซึ่งเป็นระดับของพลังงานไฟฟ้าที่แรงพสมควร

แต่ถ้าหากต้องการเครื่องดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพในการดูดฝุ่นมากเป็นพิเศษ ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีกำลังไฟฟ้ามากกว่านี้เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น และระบบการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นยังช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

2.เลือกจากระบบการกรองฝุ่น

เครื่องดูดฝุ่นที่ดี จำเป็นต้องมีระบบในการกรองฝุ่นขนาดเล็ก ๆ ได้ ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณได้มากขึ้น หากเครื่องดูดฝุ่นที่คุณซื้อมา ไม่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นที่เพียงพอ ก็จะทำให้ฝุ่นตกค้างภายในห้อง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่อาศัยได้ โดยจะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ หรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจตามมา

3.เลือกจากระบบการทำงานของมอเตอร์

ส่วนประกอบของเครื่องดูดฝุ่นที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ มอเตอร์ ซึ่งมอเตอร์ของเครื่องดูดฝุ่นยิ่งทำงานมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้การหมุนเวียนของอากาศดีมากขึ้นเท่านั้น เพราะอากาศที่ผ่านเข้าไปในตัวเครื่องจะต้องผ่านการกรองก่อนถึงจะสามารถปล่อยอากาศสู่ภายนอกได้ และอากาศที่ยังไม่ผ่านกระบวนการกรองก็จะไม่สามารถหลุดออกมายังภายนอกเครื่องได้

4.เลือกจากวัตถุประสงค์ของการใช้งาน

วัตถุประสงค์ของการใช้งาน เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ซื้อเครื่องดูดฝุ่นต้องพิจารณา หากใช้งานภายในคอนโดที่มีขนาดเล็ก ควรเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดกะทัดรัด จัดเก็บง่าย ซึ่งอาจจะเลือกเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย เครื่องดูดฝุ่นขนแมว หรือเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ หรือถ้าหากนำมาใช้งานในพื้นที่ที่มีบริเวณกว้าง มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเป็นจำนวนมาก ก็ควรเลือกเครื่องที่มีขนาดใหญ่ หรือมีกำลังไฟฟ้ามากก็จะช่วยให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

5.เลือกจากงบประมาณ

การเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับราคาที่คุณต้องจ่าย และเพื่อการใช้งานที่ตรงตามวัตถุประสงค์ คุณควรตั้งงบประมาณในการเลือกซื้อเอาไว้ และควรเลือกเครื่องที่มีคุณสมบัติในการดูดฝุ่นที่ดีที่สุดภายใต้งบประมาณนั้น เพื่อให้คุณไม่สิ้นเปลืองเกินไป และช่วยให้คุณได้มีเครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด ดังนั้นหากคุณต้องการจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นสักเครื่อง แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหน ประเภทใดถึงจะเหมาะสมที่สุด ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีประสิทธิภาพในการทำงานตรงตามความต้องการ และมีความสมเหตุสมผลกับงบประมาณที่กำหนดเอาไว้เป็นดีที่สุด

            ถึงแม้ว่าเครื่องดูดฝุ่นจะช่วยให้การทำความสะอาดบ้านของคุณง่ายขึ้น แต่ก็จำเป็นต้องมาพร้อมการเลือกซื้อเลือกใช้อย่างเหมาะสมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อควรศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้ได้เครื่องดูดฝุ่นเล็กที่มีประสิทธิภาพตรงกับความต้องการในการใช้งาน และดูแลเก็บรักษาให้ถูกต้องเพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องดูดฝุ่นค่ะ

#เครื่องดูดฝุ่นเล็ก

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564

การเลือกประเภทของหูฟังไร้สายเพื่อนำมาใช้งานให้ได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด

 


หูฟังไร้สายจัดว่าเป็นอุปการณ์เสริมที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว  เพราะมันช่วยอำนวยต่าง ๆ ได้อย่างมากมายให้กับผู้ใช้งาน ความบันเทิงในการฟังเพลง เล่นเกมแล้วยังช่วยอำนวยความสะดวกในการสนทนาได้อีกด้วย หูฟังไร้สายถูกออกแบบมาให้มีหลากหลายประเภท เช่น หูฟังแบบครอบหู,หูฟังแบบสอดหู หรือหูฟังแบบ Custom  ครั้งนี้เราจึงตั้งใจมานำเสนอหูฟังไร้สายหรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในแบบหูฟัง Bluetooth ซึ่งเจ้าหูฟังชนิดนี้จะครอบคลุมการใช้งานของหลายกลุ่มผู้ใช้ เช่น ผู้ขับขี่ยานพาหนะ ผู้ที่ออกกำลังกาย หรือนักธุรกิจ และอื่น ๆ อีกเพียบ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีข้อมูลของหูฟัง Bluetooth หลายแบบเอามาฝาก รวมถึงวิธีเลือกซื้อหูฟัง Bluetooth อย่างไรถึงจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ซึ่งเราก็มีคำแนะนำดี ๆ มาบอกอีกด้วย ว่าแล้วก็อย่ารอช้าตามมาดูทางนี้กันเลย

วิธีเลือกในการหูฟังไร้สายประเภทต่าง ๆ ให้เหมาะสมต่อการใช้งาน

1.เลือกหูฟังแบบโมโน

หูฟังประเภทนี้เหมาะกับนักธุรกิจ หรือคนที่ชอบใช้มือถือขณะขับรถ หรือคุยโทรศัพท์ติดต่อธุรกิจตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีหูฟังข้างเดียวและขนาดกะทัดรัดพกสะดวก ไม่เหมาะกับใช้ฟังเพลงเพราะได้ยินเสียงภายนอกแทรก

2.เลือกหูฟังแบบสปอร์ต

หูฟังประเภทนี้ออกแบบมาสำหรับคนที่รักในการออกกำลังกาย เพราะตัวหูฟังจะมีคุณสมบัติที่กันน้ำ กันเหงื่อได้ น้ำหนักเบา สวมใส่กระชับ

3.เลือกหูฟังแบบเฮดโฟน

ออกแบบมาเพื่อให้อรรถรสในการฟังเพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้เสียงที่คมชัดในทุกย่าน แต่ข้อเสียก็คือสวมใส่แล้วจะไม่ได้ยินเสียงรอบตัว

4.เลือกหูฟัง True Wireless

เป็นหูฟังที่ได้รับความนิยมที่สุด ผลิตออกมาใช้งานหลังสุด แต่ตอบโจทย์การใช้งานกับคนได้ทุกประเภท ดีไซน์ทันสมัย เล็กกะทัดรัดให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมทั้งเสียงสนทนาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง ฟังเพลงก็ให้เสียงที่เหมือนอยู่ข้างเวทีคอนเสิร์ต แต่ข้อเสียคือเรื่องของแบตเตอรี่ที่จำเป็นต้องชาร์จบ่อยกว่าหูฟังประเภทอื่น ๆ

การจะเลือกหูฟังไร้สายที่ดี เราต้องเลือกให้ตรงกับความต้องการที่จะนำไปใช้งานของเรา เช่น หากคุณเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย และมักจะฟังเพลงในขณะทำกิจกรรมอยู่เสมอ แต่ต้องเจอกับปัญหาอย่างเช่น หูฟังไม่กันเหงื่อจนมักจะหลุดออกจากรูหู ดังนั้นคุณก็ควรที่จะเลือกหูฟังแบบอินเอียร์ หรือหูฟังแบบสปอร์ต เพราะสามารถตอบโจทย์ของคุณได้มากกว่าหูฟังในแบบอื่น ๆ เป็นต้นค่ะ

#หูฟังไร้สาย

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564

หัวใจหลักในการเลือกซื้อที่ชาร์จไร้สายที่หลาย ๆ อาจจะยังไม่รู้

 


ปัจจุบันมีโทรศัพท์หลายรุ่นเริ่มรองรับเทคโนโลยีการชาร์จผ่านที่ชาร์จไร้สายกันมากขึ้น การพัฒนานี้ช่วยแก้ไขปัญหาของสายชาร์จ เช่น สายหักใน ฉนวนหุ้มฉีกขาด สายระโยงระยางเกะกะอยู่บนโต๊ะ หรือจากที่เคยต้องมีที่ชาร์จ 1 ชนิดต่อ 1 อุปกรณ์ใช้ได้แค่เฉพาะรุ่นเท่านั้น แต่กลับกันถ้าใช้ที่ชาร์จไร้สาย สามารถใช้ได้หลากหลายรุ่นจึงเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายลง โดยที่ไม่ต้องซื้อสายชาร์จหลายเส้นอีกต่อไป แต่จะเลือกที่ชาร์จไร้สายให้ได้ดีนั้นควรที่จะต้องเลือกยังไงและเลือกแบบไหนบ้างนั้น ตามเรามาดูกันเลยค่ะ แต่ก่อนอื่นเราขออธิบายเกี่ยวกับที่ชาร์จแบบไร้สายสักนิดหนึ่งนะคะ

ที่ชาร์จไร้สายมีหลักการทำงานดังนี้

การชาร์จแบบไร้สาย หลักการคือ มีการใช้แถบอิเล็กทรอนิกส์ในการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้า ระหว่างแท่นชาร์จ และมือถือที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ถามว่าสายชาร์จล่ะ สายก็เอาไปเสียบกับแท่นชาร์จ ไฟเข้าแท่นชาร์จ แต่เราไม่ต้องเอาสายไฟเสียบตูดมือถือบนแท่นชาร์จจะมีแผ่นคอยล์ เมื่อแถบบนมือถือ (หลังเครื่อง) สัมผัสกับแท่นชาร์จ ที่เสียบไฟอยู่ ก็จะมีการเหนียวนำกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จมือถือได้ แต่นั่นก็หมายความว่า แท่นชาร์จต้องวางอย่างมั่นคง และวางมือถือให้ตัวส่งและตัวรับตรงกับแผ่นวงจรชาร์จไร้สายด้วยการชาร์จไฟแบบไร้สาย ไม่ได้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่รองรับทุกอุปกรณ์ที่ชาร์จแบบไร้สายได้ เพียงแต่ที่เราเห็นกันเยอะ ๆ ก็คือชาร์จมือถือนั่นเอง

วิธีการเลือกที่ชาร์จไร้สาย ถูกต้องและน่าเชื่อถือ

โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.Coil หลายชิ้น ข้อดีของประเภทแบบนี้ คือ พื้นที่ในการจ่ายพลังงานค่อนข้างกว้าง ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถวางมือถือหรือแท็บเล็ตบนแท่นได้หลายแนว เช่น แนวตั้งและแนวนอน ไม่ต้องวางตรงเป๊ะก็ชาร์จได้ แต่อาจจะทำให้ขนาดของแท่นชาร์จมักจะใหญ่กว่ารุ่นอื่น ๆ และมีราคาที่สูงกว่าด้วย

2.Coil เดียว แน่นอนว่าขนาดของแท่นชาร์จจะเล็กกว่าและราคาถูกกว่าแบบแรก เพราะเพื่อน ๆ ต้องวางมือถือให้ตรงแนว Coil เท่านั้นไม่เช่นนั้นอาจไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้

เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันจัดการกับความร้อนขณะที่ชาร์จได้ อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอเหตุการณ์ “เครื่องร้อนตอนชาร์จแบตเตอรี่ยิ่งถ้าชาร์จด้วยแท่นชาร์จที่ทำงานด้วยระบบ Qi ยิ่งต้องใส่ใจมากขึ้นเลยค่ะ เพราะกระบวนการเหนี่ยวนำกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งไวต่อแบตเตอรี่ โดยเฉพาะชนิด Lithium-ion จนอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงเร็วขึ้น มีรายงานว่าเกิดกรณีที่ถึงขั้นตัวชาร์จหลอมละลาย ทำให้มือถือด้านนอกเสียหายไปด้วย เราจึงควรเลือกซื้อรุ่นที่มีฟังก์ชันตัดกระแสไฟฟ้าทันทีที่ตรวจจับอุณหภูมิได้สูงกว่าปกติได้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

จบไปแล้วสำหรับวิธีเลือกที่ชาร์จไร้สายที่น่าสนใจ ในปัจจุบันและได้รับความนิยมค่อนข้างดีมาก ๆ แต่ส่วนที่จะเลือกแบรนด์อะไรกันบ้างก็แล้วแต่ความชอบของคุณ ขอให้เลือกราคาที่สมเหตุสมผล แบรนด์น่าเชื่อถือ และของแท้มีคุณภาพมีใบรับประกันด้วยก็ยิ่งดีค่ะ

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2564

5 ข้อง่าย ๆ ในการใช้งานตู้เย็นให้ประหยัดไฟฟ้า

 


ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเสียบปลั๊กให้ทำงานตลอดเวลา เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็น เพื่อยืดอายุอาหารให้อยู่ได้นานขึ้น ดังนั้นจึงทำให้ใช้ไฟฟ้าเยอะ หากมีวิธีที่จะช่วยลดการใช้ไฟของตู้เย็นได้ก็น่าจะดี เพราะจะช่วยให้ประหยัดค่าไฟซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ของบ้านลงไป และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธีประหยัดไฟจากการใช้ตู้เย็นอยู่ละก็ ตามเรามาทางนี้ได้เลยเพราะวันนี้เรามีวิธีดี ๆ ในการที่จะทำให้ตู้เย็นประหยัดไฟได้เอามาฝากให้กับทุก ๆ คนเอง ว่าแล้วก็ตามมาดูกันเลยดีกว่าว่ามีวิธีแบบไหนบ้าง ?

            การใช้งานตู้เย็นให้ประหยัดไฟฟ้าและให้สามารถใช้งานไปได้นาน ๆ

1.อย่าเปิดตู้เย็นบ่อย หรือเปิดทิ้งไว้นาน ๆ

ทุกครั้งที่มีการเปิดตู้เย็น อุณหภูมิภายนอกซึ่งมีความร้อนจะเข้าไปแทรกแซงอุณภูมิภายในตู้เย็นที่เย็นกว่าให้ปรวนแปร จนคอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิตู้เย็นให้กลับมาเย็นคงที่เหมือนเดิม ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรเปิดตู้เย็นเท่าที่จำเป็น และอย่าเปิดตู้เย็นทิ้งไว้นาน ๆ เพื่อลดการทำงานของตู้เย็นลง จะได้ประหยัดไฟได้มาก

2.ห้ามนำของร้อนจัดเข้าตู้เย็น

หลายคนอยากกินกาแฟเย็น หรือน้ำเต้าหู้เย็น ๆ เลยนำเข้าตู้เย็นทันที ถ้าทำแบบนี้ จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้นมาก เปลืองไฟมาก แถมอาจทำให้อาหารอื่น ๆ ในตู้เย็น พลอยโดนผลกระทบของความร้อนไปอีกด้วย เพราะฉะนั้นเวลาอยากนำของร้อนจัดเข้าตู้เย็น ควรทิ้งไว้ให้เย็นเสียก่อนค่อยนำเข้าตู้เย็น

3. ละลายน้ำแข็งและล้างตู้เย็นเสมอ

ภายในช่องแช่แข็งที่มีความเย็นจัด จะมีน้ำแข็งเกาะอยู่จำนวนไม่น้อย และน้ำแข็งที่เกาะอยู่เหล่านี้ก็จะขัดขวางการทำงานของตู้เย็นให้ต้องทำงานหนักขึ้น ดังนั้นคงดีกว่าหากเราจะหมั่นกดน้ำแข็งบ่อย ๆ และคอยล้างทำความสะอาดตู้เย็นอยู่เสมอ อาหารที่เน่าเสียแล้วก็ควรนำออกไปทิ้ง และพยายามอย่าแช่ของในตู้เย็นมากเกินไปจนแน่น เพราะจะทำให้อากาศในตู้เย็นไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักมากขึ้น

4. ห้ามใช้มีดแงะน้ำแข็งในช่อง Freeze  เพราะการใช้มีดแงะน้ำแข็ง ไม่ได้กังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้แงะ แต่จะเป็นอันตรายต่อทางเดินน้ำยาแอร์ ที่อยู่หลังของผนังช่องฟรีซ ถ้าหากเกิดการรั่วไหลแล้ว งานใหญ่เลย ถึงขนาดซ่อมกันยาว บางทีถึงกับไฟไหม้เลยก็มี เพราะฉะนั้น ควรจะกดปุ่มละลายน้ำแข็ง หรือหากทำไม่ได้ก็เพียงแค่ดึงปลั๊กออกชั่วคราว ก็ทำให้ละลายน้ำแข็งได้แล้ว

5.ตำแหน่งการตั้งตู้เย็น

ตู้เย็นเป็นเครื่องทำความเย็น ที่ต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมงไม่ได้พัก ไม่ได้หยุด ดังนั้นการถ่ายเทความร้อนจากตู้เย็น เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยอาศัยการถ่ายเทความร้อนที่แผงหลังของตู้เย็น จึงควรวางตู้เย็นให้ห่างจากแผงหนังของตู้เย็นอย่างน้อย 1 ฟุต หรือ 1 ไม้บรรทัดเพื่อช่วยให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนมักจะมองข้ามไป ก็คือตู้เย็นนั้นนับว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้พลังงานพอควร ถ้าเสียบกับปลั๊กติดผนังโดยตรงก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าใครต้องเสียบปลั๊กตู้เย็นกับรางปลั๊ก ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ มาเสียบใช้งานร่วมกัน จุดนี้ควรเลี่ยงไว้เลย เพราะไม่งั้นจะเสี่ยงต่อการเกิดความร้อนสูง จนปลั๊กรางเสียหาย และนำพาเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ รวมถึงตู้เย็นเสียหายตามไปด้วย หากต้องเสียบปลั๊กตู้เย็นกับปลั๊กรางจริง ๆ ก็ควรเสียบแยกเดี่ยว และตัวปลั๊กราง ก็ควรเป็นปลั๊กที่มีคุณภาพและได้มาตราฐานด้วยนะคะ

#ตู้เย็น


วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2564

การเลือกหูฟังออกกําลังกายให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้งาน

 


รู้หรือไม่คะ ว่าการฟังเพลงในขณะที่ออกกำลังกาย ช่วยให้สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากร่างกายของมนุษย์มีการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับจังหวะดนตรีอยู่เสมอ และทำให้อัตราการเต้นของหัวใจมีประสิทธิภาพขึ้น ส่งผลไปยังระบบเผาผลาญทำงานได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งถ้าเป็นหูฟังออกกำลังกายแบบ หูฟังบลูทูธจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องวุ่นวายกับสายยาว ๆ ที่พันกันอุตลุต ทำให้ออกกำลังกายในท่าทางต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมการออกกำลังกายของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ทำให้การเลือกซื้อหูฟังออกกำลังกายสักตัวหนึ่งก็ต้องแตกต่างเช่นกัน ดังนั้นอย่ารอช้าลองมาศึกษาวิธีการเลือกซื้อหูฟังให้เหมาะสมกับแต่ละคนกันว่าแล้วก็ตามมาดูกันเลยค่ะ

การเลือกหูฟังออกกําลังกายให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้งาน

1.วิ่งเหยาะ ๆ รับแดดยามเช้าต้องเบาสบาย

หากคุณเป็นคนที่ตื่นเช้าขึ้นมาวิ่งช้า ๆ สักประมาณครึ่งชม. ก่อนออกไปทำงาน หรือวิ่งแบบนี้ตอนหลังเลิกงาน คุณจะอยู่ในกลุ่มที่วิ่งเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ดังนั้นการลงทุนกับหูฟังออกกำลังกายที่มีคุณภาพสูงอาจไม่คุ้มค่านัก ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการกันน้ำระดับสูง หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน ทำให้การเลือกซื้อหูฟังของคนกลุ่มนี้น่าจะเลือกแค่หูฟังบลูทูธที่ทนเหงื่อได้ประมาณหนึ่ง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้หูฟังออกกำลังกายที่ใช้งานนั้นเสียหายเร็วกว่าปกติ พร้อมกับหารุ่นที่ให้คุณภาพเสียงค่อนข้างดี จะได้ใส่ในวันปกติได้ด้วย ซึ่งก็คงไม่พ้นหูฟังออกกำลังกายแบบ In-Ear ที่มีสายคล้องสั้น ๆ

2.เน้นยกเหล็กในยิม แบบ Over-Ear

ฝั่งคนที่เน้นเข้าฟิตเนส หรือยิม เพื่อเข้าไป Weight Training การสวมใส่หูฟังออกกำลังกายแบบ In-Ear ก็ค่อนข้างเหมาะสมเช่นกัน แต่ด้วยการเคลื่อนในฟิตเนสนั้นไม่ได้เคลื่อนที่ซ้ำ ๆ ตลอดเวลาเหมือนกับการวิ่ง ทำให้การสวมใช้หูฟังที่จะแสดงให้เห็นถึงรสนิยมเรื่องแฟชั่น ก็น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งการแสดงให้เห็นชัดก็คงต้องสวมใส่แบบ Over-Ear ที่ปัจจุบันก็เริ่มมีรุ่นกันเหงื่อ และกันฝุ่นบ้างแล้ว แถมยังช่วยตัดเสียงรบกวนได้ดีพอ ๆ กับหูฟัง In-Ear ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมาธิในการออกกำลังกายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นหูฟังบลูทูธที่ไม่ต้องมีสายออกมาเกะกะเช่นกัน

3.ถ้า Hardcore ต้องสามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจ

เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายอย่างจริงจัง หนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงต้องมีหัวข้อ “อัตราการเต้นของหัวใจ” แน่ ๆ เพราะเมื่อทราบข้อมูลตัวนี้ การออกกำลังกายก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีหูฟังบลูทูธที่สามารถแสดงข้อมูลนี้ได้แล้ว แถมยังแม่นยำไม่แพ้กับที่ใช้ Smartwatch และ Activity Tracker อีกด้วย โดยรุ่นที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นขั้นสูง พร้อมกับโค้ชส่วนตัวที่จะคอยบอกการเคลื่อนไหว และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตลอด ทำให้การสวมใส่เพื่อซ้อมวิ่งมาราธอน หรือเพื่อลงแข่งไตรกีฬา ก็ค่อนข้างสะดวก เพราะไม่ต้องมีอะไรมารั้งที่แขนเอาไว้

เมื่อผู้ใช้รู้ถึงความต้องการของตัวเองก็จะทำให้สามารถเลือกประเภทหูฟังออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น และตอบโจทย์กับความต้องการใช้งานได้มากที่สุด สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังบลูทูธไปใช้งานขณะขับขี่หรือเดินทางตามท้องถนน ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับเสียงรอบข้างหรือเสียงจากภายนอกด้วยนะคะ เพื่อปลอดภัยค่ะ

#หูฟังออกกําลังกาย