วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2565

วิธีในการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่ดีที่สุดให้กับตัวคุณเอง

 


แท็บเล็ตถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามามีบทบาทในด้านการเรียน การสอน และการทำงานเยอะมาก เหมาะสำหรับการใช้งานนอกสถานที่สะดวกในการพกพา มีน้ำหนักที่ทั้งเบาและขนาดที่บาง ทั้งยังกะรัดทัดอีกด้วย จึงตอบโจทย์ในการใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่ในปัจจุบันมีแท็บเล็ตหลายยี่ห้อออกมาเยอะมากให้เลือกซื้อ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของ รูปร่าง ขนาด ระบบปฏิบัติการ รวมถึงราคาที่แตกต่างกัน จนคุณไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นดูจากตรงไหนก่อนดีถึงจะได้แท็บเล็ตที่ดีมีคุณภาพสูงในการนำมาใช้งาน เพราะแบบนี้เราจึงอยากแนะนำถึงวิธีในการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่ดีให้กับคุณเอง ว่าแต่จะต้องดูในส่วนไหนบ้างพร้อมแล้วตามมาดูกันเลย

วิธีในการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่ดีที่สุดให้กับตัวคุณเอง

1. คุณต้องการใช้แท็บเล็ตทำอะไร

ก่อนอื่นคุณต้องทราบจุดประสงค์ของตัวเองก่อนว่าคุณต้องการใช้งานแท็บเล็ตในด้านไหน อาทิเช่น ต้องการใช้สำหรับเล่นอินเตอร์เน็ตเพื่อดูซีรีส์ ภาพยนต์ หรืออาจจะบ้างช่วงเวลาที่เล่นเกมบางเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่า iPad Pro จะเป็นตัวเลือกไม่เหมาะสำหรับคุณเท่าไหร่ แม้ว่ามันจะมีฟังก์ชันการทำงานที่ยอดเยี่ยมก็ตาม เพราะคุณแค่ใช้เล่นอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นซื้อจงแท็บเล็ตที่เหมาะสมตามจุดประสงค์การเล่นของคุณ เพื่อคามคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

2. ระบบปฏิบัติการของแท็บเล็ต

ระบบปฏิบัติการของแท็บเล็ตไม่ว่าจะเป็น iOS Android หรือ Windows นั้นล้วนแล้วแต่เป็นระบบปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความถนัด และความชอบส่วนบุคคลมากกว่า หรือหากคุณมีอุปกรณ์อย่างอื่นที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple แน่นอนว่าการเลือกซื้อระบบปฏิบัติการ iOS นั้นจะเอื้ออำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ให้คุณมากกว่า แต่หากคุณไม่ได้ยึดติดกับการใช้ผลิตภัณฑ์ในเครือเดียวกัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำคัญว่าคุณจะใช้อะไร เพราะที่จริงแล้วปัญหาการอ่านหรือจัดเก็บไฟล์ต่าง ๆ นั้นเราสามารถทำได้บนพื้นที่บริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ อาทิเช่น Dropbox, Google Drive หรือ OneDrive เป็นต้น

3. พื้นที่เก็บข้อมูล

หากเป็นเมื่อก่อนพื้นที่เก็บข้อมูลถือนั้นถือเป็นตัวเลือกที่เราไม่ควรมองข้าม หากเรามีความจำเป็นในการใช้พื้นที่เยอะ ๆ แต่เนื่องจากสมัยนี้มีบริการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้แล้ว ซึ่งหมายความว่าเราสามารถใช้พื้นที่เท่าไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการ และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายไม่ว่าคุณจะล็อกอินด้วยอุปกรณ์เครื่องใดก็ตาม ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะสูญหายอีกด้วย

 

4. ใช้งานในการวาดหรือเน้นงานออกแบบหรือไม่

หาดคุณต้องการใช้งานในด้านนี้เราขอแนะนำว่า ระบบปฏิบัติของ iOS และ Android ดูเหมือนจะทำออกมาได้ดีกว่าระบบปฏิบัติของ Windows

          แหละไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อแท็บเล็ตแบบไหนก็ตาม แต่เชื่อเลยว่าหากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลไว้บ้าง ก็มีโอกาสที่คุณจะเลือกพลาดได้ เพราะแท็บเล็ตที่มีวางขายอยู่ในทุกวันนี้มีหลายรุ่น แถมบางรุ่นบางยี่ห้อก็ไม่มีศูนย์บริการ เวลาซ่อมทีต้องนำเข้าอะไหล่จากต่างประเทศทำให้เสียค่าขนส่งแพงกว่าเครื่อง หรือรุ่นที่มีศูนย์บริการในไทย ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อด้วยนะคะ

#แท็บเล็ต

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ความรู้เบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนซื้อโทรศัพท์มือถือ

 


ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือเข้ามาบทบาทสำคัญสำหรับการติดต่อสื่อสาร และได้แทรกซึมไปกับการใช้ชีวิตประจำวันทุกช่วงเวลาไปอย่างไม่รู้ตัว จนทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ในมือถือก็ยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ใช้งานในด้านอื่นอีกด้วย เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน ซื้อ - ขายของออนไลน์ ใช้ติดต่อสื่อสารทำงาน และความบันเทิงอื่น ๆ อีกเพียบ เพราะด้วยความจำเป็นเหล่านี้จึงทำให้เราจำเป็นที่จะต้องลงทุนในการซื้อมือถือ เพื่อให้ได้คุณภาพมือถือที่ดีที่สุดในการนำมาใช้งาน ดังนั้นหากใครที่กำลังคิดจะซื้อโทรศัพท์มือถืออยู่ต้องไม่ควรพลาดที่จะต้องดูสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจซื้อ

ข้อพิจารณาเบื้องต้นในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ

1.ระบบปฏิบัติการในแต่ละแบรนด์

ผู้ใช้งานต้องรู้ถึงการทำงานเบื้องต้นของความแตกต่างระหว่างระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ดังนี้

        ระบบปฏิบัติการ iOS จะเป็น OS ระบบจากค่าย Apple ที่จะเน้นเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานและการทำงานที่ไหลลื่นของตัวแอพพลิเคชั่นต่างๆ ภายในเครื่อง

        ระบบปฏิบัติการ Android เป็นระบบจาก Google ที่จะเน้นเรื่องความสามารถในการปรับแต่งการทำงานภายในเครื่อง และยังมีราคาที่หลากหลายตั้งแต่ระดับไม่กี่พันไปจนถึงหลายหมื่น

2. หน่วยประมวลผล (CPU)

หน่วยประมวลผลของสมาร์ทโฟนจะมีการทำงานที่เป็นจุดศูนย์กลางของการทำงานภายในเครื่อง ซึ่งในปัจจุบัน หน่วยประมวลผลมีหลายประเภท ได้แก่ CPU Single-core , CPU Dual-core , CPU Quad-Core , CPU Hexa Core , CPU Octa Core เป็นต้น

3. RAM และหน่วยความจำภายใน (ROM)

RAM (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำที่ทำงานคล้ายๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหากสมาร์ทโฟนที่ยิ่งมี RAM มากก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานที่รวดเร็วและไหลลื่นมากกว่า

ROM (Read-Only Memory) คือหน่วยความจำถาวรของสมาร์ทโฟนที่ให้มาบนเครื่อง หรือหากเราจะทำความเข้าใจอย่างง่ายๆ ก็คือคล้ายๆ ฮาร์ดดิสเก็บข้อมูลทั้งหมดบนเครื่อง

4.รองรับสัญญาณสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือไม่

ปัจจุบันต้องรองรับเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความรวดเร็วในการเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ

5.ความละเอียดและฟังก์ชั่นของกล้อง

ความละเอียดของกล้องส่วนใหญ่ที่เหมาะสมบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบันจะอยู่ตั้งแต่ 8 ล้านพิกเซลสำหรับด้านหลัง ส่วนด้านหน้าจะอยู่ที่ความละเอียดตั้งแต่ 5 ล้านพิกเซลขึ้นไป นอกจากนี้ยังต้องดูฟังก์ชั่นและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ด้วย เช่น ขนาดรู้รับแสง, ไฟแฟลช LED, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) หรือระบบป้องกันภาพสั่นไหว เป็นต้น

6.ขนาดความจุแบตเตอรี่

ในการใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบันของแต่ละคนจะเน้นการทำงานไปที่การฟังเพลง, ดูวิดีโอ และการใช้สื่อออนไลน์ ดังนั้นความจุแบตเตอรี่ก็ควรจะมีเยอะตามไปด้วย

7. ดีไซน์และการออกแบบของตัวเครื่อง

ดีไซน์และการออกแบบถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเพราะจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลเพื่อให้เข้ากับลักษณะของมือถือเรามากที่สุด

8.ดูว่าเราจะใช้งานในด้านไหน

สำหรับคนทั่วไปคงมีการใช้งานในแต่ละวันที่ไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน เช่น บางคนชอบถ่ายรูป, ใช้ทำงานทั่วไป หรือเล่นเกม เป็นต้น ก็ควรเลือกสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยความจำภายในเยอะพอสมควร รวมไปถึง CPU ที่มีความเร็วในการประมวลผลกราฟิกต่างๆ และความจุแบตเตอรี่มีความจุเยอะด้วยเช่นกัน เป็นต้น

ทั้งนี้หากคุณซื้อโทรศัพท์มือถือมา ข้อควรรู้อีกอย่างคือหากมือถือรุ่นเดียวกัน ล็อตผลิตเดียวกัน สีของหน้าจอสมาร์ทก็อาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งในส่วนนี้ส่วนมากจะไม่รับเคลม ยกเว้นแต่มันจะเพี้ยนมาก แต่เราสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการตั้งค่าสีของหน้าจอ ที่ในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะมีโหมดปรับสีมาให้ได้ค่ะ

#โทรศัพท์


วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2565

รวมประเภทของหูฟังมือถือแบบไร้สายที่คุณห้ามพลาด

 


ทุกวันนี้หูฟังมือถือแบบ wireless กำลังเป็นที่นิยมมาก เพราะมันง่าย สะดวกต่อการใช้งานเวลาคุยโทรศัพท์ อีกทั้งสามารถใช้ขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้สะดวกอีกด้วย โดยที่ไม่มีสายมาคอยเกะกะให้ลำคาญใจ เพราะแบบนี้วันนี้เราจึงอยากจะแนะนำถึงหูฟังที่ควรเลือกใช้กับมือถือที่ดีเอามาฝาก โดยเราจะแยกหูฟังมือถือแบบไร้สายออกเป็น 4 ประเภทดังนี้

1.หูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกาย

ในส่วนของหูฟังบลูทูธนั้นก็ได้มีการพัฒนาแยกย่อยออกมาเป็น หูฟังบลูทูธ สำหรับออกกําลังกาย หรือที่เรียกว่า หูฟังแบบสปอร์ต ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้มันมีคุณสมบัติป้องกันน้ำ ป้องกันเหงื่อได้ดี ทั้งยังน้ำหนักเบา มีความกระชับ แน่นไม่หลุดง่าย ๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว หูฟังแบบสปอร์ตทั้งสองข้างจะต้องเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ด้วยสายเคเบิลเส้นเดียว เพื่อให้มันสะดวกต่อการใช้งานขณะออกกำลังกายมากที่สุด

2.หูฟังบลูทูธแบบ Headphone

อย่าวที่กล่าวไปแล้วในข้อหัวก่อนหน้านี้ว่า เป็นหูฟังชนิดที่ครอบปิดหูของเรา เน้นใส่สบาย โดยไม่รู้สึกเจ็บ เป็นหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีมาก จนบางครั้งอาจจะส่งผลทำให้เราไม่ปลอดภัย อาทิเช่น เราใส่หูฟังขณะที่ข้ามถนนโดยก้มหน้าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ จนไม่ได้ยินเสียงแตรรถ เป็นต้น ดังนั้นสำหรับผู้ที่จะใช้หูฟังประเภทนี้ นอกสถานที่ จะต้องมีความระมัดระวังด้วยนะคะ

3. หูฟัง True Wireless

เป็นหูฟังไร้สายอย่างแท้จริง ไม่ต้องมีสายเคเบิ้ลเชื่อมต่อกันเหมือนหูฟังบลูทูธสำหรับออกกําลังกาย อีกทั้งยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวก มากกว่าหูฟังบลูทูธแบบครอบหู ถือว่าเป็นหูฟังที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการความสะดวกสบายอย่างแท้จริง ใน่สวนของดีไซน์นั้น สวยเก๋ ดูแปลกตา ล้ำสมัย แต่ยังคงความหรูหรา โดย หูฟังไร้สาย True Wireless จะมีทั้งแบบที่เป็น Earbud และ In-Ear ซึ่งก็อยู่ที่คุณค่ะ ว่าชื่นชอบหูฟังสไตล์ไหนมากกว่ากัน ?

4.หูฟัง Bluetooth แบบ MONO

เป็นหูฟังที่แตกต่างจากหูฟังที่เรารู้จักชนิดอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ตรงที่ว่ามันเป็นหูฟังที่มีเพียงข้างเดียวเท่านั้น ซึ่งหูฟังโมโนนั้น จะเป็นหูฟังประเภทที่เมาะสำหรับคนที่ต้องการพูดคุยสื่อสารมากกว่าการใช้ในการฟังเพลง หรือดูหนัง เน้นการใช้งานที่สะดวก และเน้นการได้ยินเสียงจากภายนอกควบคู่ไปด้วย

แหละทั้งหมดนี้ก็เป็นประเภทหูฟังมือถือไร้สายทั้งหมดที่เราได้เอามาฝากที่เราได้เอามาฝาก ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เราได้คัดสรรเอามานำเสนอมานี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ และช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น โดยแต่ละประเภทที่จะตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ดีที่สุดได้ค่ะ

#หูฟังมือถือ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2565

โทรศัพท์ 120hz ยิ่งค่า hz สูง ๆ จะส่งผลดี่ในด้านไหนบ้าง?

 

หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโทรศัพท์ 120hz และอาจจะงง ๆ อยู่ว่ามันหมายถึงอะไรและมีความสำคัญอย่างไรกันแน่ วันนี้เราจะมาอธิบายในเรื่องนี้ให้ฟังกันค่ะ ซึ่งก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า hz นี้คือหน่วยบอกถึงอัตราการรีเฟรชการแสดงผลเพื่อแสดงให้คุณเห็นว่าภาพนิ่งถัดไป ซึ่งอัตรารีเฟรชหน้าจอ และเฟรมเรท อีกสิ่งหนึ่งที่สัมพันธ์กับอัตรารีเฟรชของหน้าจอโดยตรง คือ “เฟรมเรท” ของคอนเทนต์ที่แสดงบนจอ เฟรมเรท คือจำนวนเฟรมที่ไฟล์วิดีโอหรือเกม แสดงออกมาใน 1 วินาที นับหน่วยเป็น “เฟรมต่อวินาที” หรือ Frame per Second (FPS) ยิ่งเฟรมเรทสูงเท่าไหร่ ภาพก็ยิ่งลื่นขึ้นเท่านั้น เป็นไปในทำนองเดียวกันกับอัตรารีเฟรช ต่างกันตรงที่อัตรารีเฟรชเป็นคุณสมบัติของหน้าจอ ส่วนเฟรมเรทเป็นคุณสมบัติของคอนเทนต์ที่เล่นบนหน้าจออีกทีตัวอย่างเช่นหากมีอัตราการรีเฟรช 120hz นั่นหมายความว่าสามารถรีเฟรชด้วยอัตรา 120 ครั้งทุกวินาทีนั้นเอง

ซึ่งถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นอีกก็คือ Refresh Rate จะเป็นการพูดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่แสดงผล ส่วน Frame Rate จะเป็นการพูดเกี่ยวกับตัวคอนเทนต์ ซึ่งก็คือ ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เกม หรือไฟล์ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ นั่นเองค่ะ และสิ่งสำคัญคือ อัตรารีเฟรชเรทของหน้าจอ และเฟรมเรทของคอนเทนต์ ควรมีค่าที่สอดคล้องกัน จึงจะทำให้สามารถแสดงผลได้ดีที่สุด เช่น ถ้าเราเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่มาใช้ โดยที่มีอัตรารีเฟรชเรทหน้าจอทั่วไป 60hz ในขณะที่เราเลือกชมคอนเทนต์วิดีโอหรือเล่นเกมที่มีเฟรมเรทสูง 120fps ภาพก็จะถูกปรับการแสดงผลลงมาที่ 60hz เท่านั้นดังนั้นถ้ามีโทรศัพท์ 120hz ก็จะสามารถชมคอนเทนต์วิดีโอหรือเล่นเกมที่มีเฟรมเรทสูง 120fps ได้นั่นเองค่ะ

#โทรศัพท์ 120hz

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ปัจจัยสำคัญที่ควรเช็คให้เรียบร้อยก่อนซื้อมือถือที่นอกเหนือจากการเช็คราคามือถือ

 

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้เวลาเราจะเลือกซื้อมือถือสิ่งแรกที่เราจะทำก่อนเลยคือการ ตรวจเช็คราคามือถือ ว่าตรงกับงบที่เราตั้งเอาไว้ไหม และดูรายละเอียดของเครื่องในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน แบรนด์อะไร คุณสมบัติในด้านอื่น ๆ ดังนั้นนอกจากเรื่องราคาแล้วสิ่งที่ต้องเช็คต่างไปก็จะมีดังนี้

ปัจจัยสำคัญที่ควรเช็คให้เรียบร้อยก่อนซื้อมือถือที่นอกเหนือจากการเช็คราคามือถือ

1. สภาพของกล่องบรรจุภัณฑ์

สิ่งนี้นั้นเป็นเหมือนตัวบ่งบอกว่าสมาร์ทโฟนของเรานั้นเก็บไว้ดีรึปล่าว มีการตกหล่น โดนกดทับ หรือโดนอะไรชนรึปล่าว ซึ่งปกตินั้นสภาพของกล่องนั้นต้องอยู่ในสภาพที่ดีไม่มีรอยบุบหรือขาด ซีลพลาสติกอย่างสวยงาม และสติกเกอร์ที่ใช้รับประกันต้องไม่ขาด

2. อุปกรณ์ภายในกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องต้องอยู่ครบถ้วนตามที่ข้างกล่องแจ้ง และต้องดูใหม่หรือยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน รวมถึงต้องมีคู่มือ และใบรับประกันต่าง ๆ

3.ตรวจสอบสภาพตัวเครื่อง

เป็นการตรวจสอบสภาพภายนอกเครื่องว่ามีรอยตำหนิตรงไหนรึปล่าว รวมไปถึงส่วนของพวกปุ่มกดต่าง ๆ ว่ายังกดได้ไม่มีส่วนไหนยุบหรือผิดปกติ

4. ตรวจสอบหน้าจอและสติ๊กเกอร์กันรอยหน้าจอ

เพราะปกติแล้วสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่มักจะมีสติ๊กเกอร์หรือฟิล์มกันรอยติดมาด้วย ให้เราสังเกตุด้วยว่าสติ๊กเกอร์เหล่านั้นยังอยู่ในสภาพทีสวยงาม ไม่มีพองอากาศ หรือมีลักษณะว่าถูกลอกไปแล้วอะไรประมาณนั้นนั่นเอง จากนั้นให้เราเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วทำการเช็คในส่วนของสีของจอภาพว่ามี แสงลอดขอบจอหรือหน้าจอมี Dead Pixel รึปล่าว

5. ตรวจสอบฟังก์ชั่นการทำงานต่าง ๆ

ขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้เวลาซักนิด เพราะจะเป็นการทดสอบในเรื่องของ กล้องหน้า กล้องหลัง ลำโพง ระบบสั่น  เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เป็นต้น ว่าสามารถใช้งานได้อย่างปกติ

6. ตรวจสอบการโทร

ให้เราทดลองใส่ซิม แล้วทำการโทรเข้า-ออก เพื่อทดสอบสัญญาณ, ไมค์ และลำโพงสนทนาว่ายังสามารถใช้งานได้ดีหรือไม่

7. ลองการใช้งานการเชื่อมต่อ

ลองเปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ตทั้ง 3G หรือ 4G รวมถึงการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth ว่าสามารถรับสัญญาณได้ปกติหรือไม่

8. ตรวจสอบหมายเลข IMEI

เครื่องที่ซื้อใหม่จะต้องมีเลขที่ IMEI ที่ตรงกับข้างกล่อง วิธีที่เช็คง่าย ๆ เพียงแค่กด *#06# จากนั้นเครื่องจะแสดงหมายเลขขึ้นมานั่นเอง

แหละถ้าหากว่าเราเห็นถึงความผิดปกติเกิดขึ้นกับสมาร์ทโฟนของเรา เราควรแจ้งให้พนักงานทราบและบอกเค้าว่าเราได้ลองทดสอบอะไรแล้วความผิดปกติอย่างไร เพื่อที่จะได้ให้ทางร้านแก้ไขหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้กับเราได้ทันทีค่ะ

#เช็คราคามือถือ