สำหรับใครที่เป็นสายเกมเมอร์จะรู้ดีถึงความสำคัญของหน้าจอเล่มเกมเป็นอย่างดี
เพราะทั้งภาพ เสียง ต่าง ๆ
ที่แสดงผลออกมาทางหน้าจอนั้นช่วยส่งเสริมให้สนุกเพิ่มขึ้นขนาดไหน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่สายเกมเมอร์ทั้งหลายจะลงทุนไปกับการซื้อหน้าเพื่อให้ได้หน้าจอเล่มเกมที่ดีที่สุด
และหากใครที่กำลังวางแผนที่จะซื้อหน้าจอเล่นเกมอยู่ล่ะก็ ควรที่ต้องรู้ข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ละเอียดเพื่อผลรับที่ดีที่สุดที่จะได้จากการเลือกซื้อหน้าจอเล่นเกมซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ
ข้อสำคัญที่ควรต้องรู้ก่อนเลือกซื้อหน้าจอเล่นเกม
·
Resolution
สิ่งแรกที่สุดสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อจอสำหรับเล่นเกมก็คือความละเอียดของหน้าจอหรือ
Resolution นั้นเอง ยิ่งความละเอียดยิ่งสูง จำนวน Pixel
ในหน้าจอจะมากขึ้นตามไปด้วย
และนั้นหมายถึงรายละเอียดและความคมชัดของภาพในหน้าจอ คุณภาพของกราฟฟิกในเกมจะดูดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความละเอียดของหน้าจอเป็นส่วนประกอบหลัก
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ยิ่งความละเอียดของภาพยิ่งสูง
ก็ยิ่งเป็นการฉุดเฟรมเรทของเกมให้ลดลงตามไปด้วย
ดังนั้นถ้าถ้าเล่นเกมและใช้จอที่มีความละเอียดขนาด 4K หรือสูงกว่านั้น
และอยากได้เฟรมเรทที่สูงกว่า 60 เฟรม ก็ต้องมีเครื่อง PC ที่ทรงพลังในการรันด้วย
ไม่อย่างงั้นต่อให้จอรับได้แต่เล่นไปกระตุกไปก็คงไม่ดีแน่นอน
·
Refresh rate
หนึ่งในหัวข้อที่มีการถกเถียงและเป็นประเด็นกันมากที่สุดในโลกออนไลน์
ว่าจอที่มี Refresh Rate ขึ้นไปแตะระดับ 144Hz นั้นจำเป็นสำหรับการเล่นเกมหรือไม่
ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้วมันก็อยู่ที่เกมไหนจะรองรับการปรับค่าเฟรมเรทที่สูงกว่า
120 ขึ้นไปหรือไม่มากกว่า แต่ผลพลอยได้ที่มาจากค่า Refresh Rate ที่สูงขึ้นก็คือความลื่นไหลและสบายตาในการใช้งานแบบปกติมากขึ้น
เกมเมอร์บางคนถึงกับเอ่ยปากเลยว่า ถ้าหากได้สัมผัสกับความลื่นไหลของจอแบบ 144Hz
แล้วสักครั้งหนึ่ง จะกลับไปใช้จอแบบ 60Hz ไม่ได้กันเลย
แต่ก็เป็นกรณีเดียวกันกับเรื่องของ Resolution ที่ถ้าหากเครื่อง
PC ประสิทธิภาพไม่สูง และไม่สามารถทำเฟรมเรทไปถึง
120 เฟรมมันก็ดูจะไม่ได้รับผลประโยชน์ตรงจุดนี้เท่าไหร่นัก
ถ้าหากคุณเป็นเกมเมอร์ที่เน้นเล่นเกมแบบ FPS และแอคชั่นที่ต้องใช้การรีดเฟรมเรทขั้นสูง
ก็จะเหมาะกับการใช้งานจอแบบที่ Refresh Rate สูง
ๆ หรือถ้าหากงบไม่เอื้ออำนวย ก็อาจจะเลือกจอที่ไม่ต้องมี Refresh Rate สูงมากเพื่อประหยัดเงินก็ได้
แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ซีเรียสกับความลื่น ก็อาจจะต้องยอมจ่ายกันหน่อย
·
Adaptive Sync
เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่หลาย ๆ คนคงงงว่า
ถ้ามีหรือไม่มีแล้วมันจะใช้งานได้หรือเปล่า ? ซึ่งเจ้า
Adaptive Sync ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือ FreeSync จาก
AMD และ G-Sync จาก
Nvidia ซึ่งตัว Sync ทั้งสองแบบจะช่วยให้การฉีกขาดของภาพเวลาเคลื่อนไหวเร็ว
ๆ นั้นลดลงหรือหายไป ทำให้ภาพที่ได้นั้นดูสบายตาขึ้น สำหรับ FreeSync นั้นจะมีมาให้กับจอเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่และไม่ต้องจ่ายค่าตัวเพิ่ม
แต่สำหรับ G-Sync นั้นจะไปอยู่กับจอตัวท็อประดับแพง ๆ เสียมากกว่า
โดยสำหรับจอที่มีฟังก์ชั่น G-Sync นั้นจะแพงกว่าถึง 3 – 4
พันบาทเลยทีเดียว แต่ถ้าใครไม่กังวลเรื่องเงินอยู่แล้วและใช้การ์ดจอ Nvidia
ก็อาจจะยอมจ่ายเพื่อใช้งานฟังก์ชั้นนี้ก็ย่อมได้ ส่วนผู้ใช้ AMD
ก็จะประหยัดเงินไปได้หน่อย เพราะจอเล่นเกมที่ FreeSync นั้นมีราคาไม่แพงและหาได้ง่าย
·
Panel แบบ TN และ
IPS
ในปัจจุบันนี้จอมอนิเตอร์จะมี Panel อยู่สองแบบ
คือ IPS และ TN เราลองมาทำความรู้จักกับจอทั้งสองประเภทนี้กันก่อน
TN หรือ
Twisted Nematic จะเป็นจอที่มีอัตราการตอบสนองหรือ Response
Time ที่ดี
แต่จะมีปัญหาในเรื่องของการแยกเม็ดสีที่จะไม่เที่ยงตรงมากนัก
ซึ่งเหมาะกับการเล่นเกมและมีราคาที่ไม่แพง
IPS หรือ In-plane Switching จะมีจุดเด่นในเรื่องของความคมชัดและสวยงามกว่าแบบ
TN และสีที่ได้จะเพี้ยนน้อยกว่าแบบ TN อยู่พอสมควร
แต่ก็แลกมาด้วยความไวในการตอบสนองที่จะด้อยกว่านิดหน่อย
ถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นที่ซีเรียสกับการตอบสนอง
เล่นเกมแบบ Competitive ค่อนข้างบ่อย(เช่น FPS หรือเกมต่อสู้)
การเลือกใช้จอแบบ TN ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
แต่สำหรับคนที่เน้นสีสันและความเที่ยงตรงของสี
รวมไปถึงอยากได้จอที่เอาไว้ใช้ทำงานกราฟฟิกด้วย ก็ควรเลือกใช้จอแบบ IPS จะดีกว่า
·
Response Time
ข้อนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับคนที่เล่นเกมแนวต่อสู้หรือ
FPS เพราะถ้าหากจอมีการตอบสนองช้าหรือหน่วงไปแม้แต่นิดเดียวก็สามารถพลิกผลแพ้ชนะได้เลย
แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบเสพย์บรรยากาศในการเล่นเกมมากกว่าจะมาซีเรียสเรื่องการตอบสนอง
ก็อาจจะมองข้ามในส่วนนี้ไปได้บ้าง
และข้อนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับการเลือก Panel
ของจอในหัวข้อที่แล้ว ถ้าใครซีเรียสเรื่องเฟรมเรทก็เลือก TN แต่ถ้าใครเน้นภาพแบบสวยไว้ก่อนและเอาจอไว้ทำงานกราฟฟิก
ก็อาจจะเลือกจอแบบ IPS แทนก็ได้
·
ขนาดของจอ
ทุกวันนี้เราสามารถเลือกซื้อจอสำหรับเล่นเกมที่ขนาด
21 – 27 นิ้วได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินมากเท่าสมัยก่อน
ในยุคนี้การหาจอเพื่อเล่นเกมขนาด 25 นิ้วในราคาแค่ห้าพันกว่า ๆ
ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเลือกขนาดของจอก็คือขนาดของโต๊ะคอม ระยะห่างระหว่างผู้ใช้งานและตำแหน่งของจอ
อย่าลืมว่าจอยิ่งใหญ่ก็ต้องยิ่งนั่งให้ห่างกว่าเดิม ถ้าหากโต๊ะของเราเล็ก
และขนาดห้องไม่ใหญ่มาก
ก็ควรเลือกจอที่ขนาดพอดีกับระยะสายตาและตำแหน่งที่นั่งให้เหมาะสมด้วย
·
พอร์ทการเชื่อมต่อ
ในปัจจุบันจอสำหรับเล่นเกมมีพอร์ทการเชื่อมต่ออยู่หลายแบบ
โดยหลัก ๆ มีดังต่อไปนี้
Display Port 1.4 เป็นการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด
ให้ความคมชัดทั้งภาพและเสียงอย่างครบถ้วน แถมยังรองรับ Refresh Rate ได้สูงอีกด้วย
HDMI 1.4/2.0
การเชื่อมต่อแบบมาตรฐานของเครื่องคอนโซลและ PC ส่วนใหญ่
ให้ความคมชัดและเสียงอยู่ในระดับที่ดี แต่จะไม่รองรับ Refresh Rate ในระดับสูง
ๆ เหมือนกับ Display Port
ซึ่งถ้าอยากจะให้จอใช้งานในโหมด 144Hz ก็ต้องใช้การเชื่อมต่อแบบ
Display Port และขอให้สังเกตดูตรงหัวสำหรับเชื่อมต่อให้ดีด้วย
เพราะ Display Port และ HDMI Port นั้นมีลักษณะคล้ายกันมาก
ดูให้ดีก่อนเสียบและเลือกใช้งานให้เหมาะสม
*อย่าลืมดูด้วยว่า
การ์ดจอของเครื่อง PC มี Display Port ให้เสียบใช้งานด้วยรึเปล่า
ไม่อย่างงั้นเสียบไม่เข้าต้องลำบากหาหัวแปลงมาใช้งานวุ่นวายไปอีก*
แหละทั้งหมดนี่ก็เป็นสิ่งคร่าว
ๆ ที่เราควรที่จะต้องรู้และเข้าใจก่อนที่จะทำการตัดสินใจซื้อหน้าจอเล่นเกมเพื่อให้ได้หน้าจอในแบบที่ตัวผู้ใช้งานต้องการมากที่สุดและก็อย่าลืมตรวจดูงบประมาณที่จะซื้อด้วยนะคะ
ว่าเพียงพอกับสิ่งของที่เราอยากได้หรือเปล่าเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปเดือดร้อนเงินในอนาคตที่นำมาใช้ในการซื้อค่ะ
#จอเล่นเกม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น