วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ข้อดีของการใช้สมาร์ทโฟนจอใหญ่



ทุกวันนี้โทรศัพท์มีการพัฒนาขึ้นไปจากเดิมเยอะมากจริง ๆ แต่ก่อนโทรศัพท์ใช้งานได้แค่โทรเข้า โทรออก ส่งข้อความ เท่านั้น แต่พอพัฒนามาถึงยุคของสมาร์ทโฟนทุกสิ่งทุกอย่างของการใช้งานก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะสมาร์ทโฟนนั้นมีการใช้งานที่หลากหลายนอกเหนือจากการโทรเข้า โทรออก หลายอย่างมาก โดยเริ่มมีแอพพลิเคชั่นให้เลือกใช้งานมากมาย สามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน 3G, 4G Wi-Fi ได้ สามารถใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คและแอพพลิเคชั่นสนทนาชั้นนำ เช่น LINE, YouTube, Facebook, Twitter โดยที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งลูกเล่นการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ตรงกับความต้องการใช้งานได้ และดูเหมือนว่าสมาร์ทโฟนจะถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ไร้ขอบ ซึ่งข้อดีหลัก ๆ ของการใช้สมาร์ทโฟนจอใหญ่เลยก็จะมีดังนี้


1.คุณสามารถมองเนื้อหาของเว็บไซต์ได้เต็มตามากขึ้น เพราะผู้พัฒนาเว็บไซต์สมัยใหม่ต่างพัฒนาเนื้อหา และรูปแบบของเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับการแสดงผลบนโทรศัพท์ ซึ่งแต่เดิมนั้นการออกแบบเว็บไซต์สำหรับโทรศัพท์จะไม่เน้นการอ่านข้อมูลเยอะ ๆ เพราะหน้าจอโทรศัพท์มีขนาดเล็ก และประโยชน์อีกอย่างของสมาร์ทโฟนจอใหญ่คือถ้าเราเจอเว็บไซต์ที่มีลักษณะของเมนูที่ซับซ้อน คุณจะมีพื้นที่เหลือเฟือในการแสดงผล โดยที่ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอลงมาเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

2.คุณไม่ได้ถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้ดูคนเดียวอีกต่อไปแล้ว ปัจจุบันเรานิยมที่จะส่งต่อภาพของเราขึ้นไปอวดเพื่อน ๆ ในโลกของ Social Network ให้ได้รับรู้ถึงกิจกรรม หรือความรู้สึก ณ ขณะนั้นที่เราอยากบอกต่อ บวกกับเราอยู่ในยุคที่มีแอปพลิเคชั่นมากมายช่วยในการแต่งภาพก่อนจะถูกส่งออกไป ซึ่งขั้นตอนในการแต่งภาพนั้นเราต้องเข้าถึงชุดคำสั่งมากมาย ต้องทำการย่อขยายภาพ หรือแม้กระทั่งการจัดวางตัวอักษรภายในภาพ โทรศัพท์หน้าจอใหญ่ ทำให้เรามีพื้นที่มากกว่าในการแต่งภาพมากขึ้น รวมถึงลดเวลาในการซูมภาพเข้า ออก ขณะแต่งภาพ โดยสมาร์ทโฟนทุกวันนี้ มาตรฐานของกล้องขั้นต่ำคือความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ฉะนั้นการจัดการในทุก ๆ รายละเอียด จอใหญ่กว่าได้เปรียบกว่าแน่นอน

3.สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ทำให้ขนาดของแป้นพิพม์บนโทรศัพท์มีขนาดที่กว้างขึ้นตามไปด้วย หมายความว่า ใครที่เคยเจอปัญหานิ้วใหญ่กว่าแป้นพิมพ์และมักจะกดผิดหรือพิมพ์ผิด จอใหญ่จะตอบโจทย์การใช้งานคุณทันที และยิ่งแอปพลิเคชั่นแป้นพิมพ์รุ่นใหม่ ๆ จะใช้เทคนิคที่เรียกว่า Swipe Keyboard หรือว่าการปาดลากตัวอักษรจอโทรศัพท์ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งได้เปรียบ เพราะทำให้เราสามารถปาดลากตัวอักษรได้เร็วและแม่นยำขึ้น

4. การเล่นเกมบนโทรศัพท์ สาวกเล่นเกมอย่างเรา ๆ ก็ต้องการอรรถรสในการเล่นเกม ต้องการเห็นอะไรชัด ๆ เพื่อความตื่นตา ตื่นเต้น เรียกง่าย ๆ คือ จอใหญ่กว่ามันส์กว่า! อย่างเกม RPG เราต้องการพื้นที่ในการจิ้มเลือกทางเดินให้กับตัวละครในแผนที่ ในขณะเดียวกันถ้าเป็นเกมแอ็คชั่น เราก็ต้องเหลือพื้นที่ขอบด้านข้างไว้สำหรับใช้เป็นปุ่มกด อย่างน้อย ๆ ก็สองถึงสามปุ่ม หรือในเกมชู้ตติ้งที่ต้องมีการเล็งเป้า จอใหญ่จะช่วยให้แม่นยำยิ่งขึ้น ยิ่งศัตรูในเกมอยู่ไกล ยิ่งคำสั่งในเกมซับซ้อน จอโทรศัพท์มีพื้นขนาดใหญ่ก็สามารถนำมาซึ่งความได้เปรียบในการเล่นเกม

                แหละนี่ก็เป็นข้อดีหลัก ๆ ที่เราจะได้จากการใช้สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ยิ่งถ้าใครเป็นสายโซเชียล ที่ชอบการถ่ายรูปหรือแต่งรูปแล้วละก็ควรมีเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันจะช่วยให้การใช้ชีวิตของคุณสะดวกขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียวค่ะ

#สมาร์ทโฟนจอใหญ่ 

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

wireless charger ราคาแพงกว่าสายชาร์จทั่วไปแต่ทำไมถึงกลับได้รับความนิยม

                  เบื่อไหมคะ กับการใช้สายชาร์จโทรศัพท์แบบเดิม ๆ ที่เวลามีการโทรเข้าโทรออกแล้วต้องคอยชักสายชาร์จ เข้า ออก มันจะดีกว่าไหมหากเราไม่ต้องคอยเสียเวลาชักสาย ถอดสายของสายชาร์จออก โดยการนำเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาใช้อย่าง wireless charger ก็คือชาร์จแบบไร้สายนั้นเอง เชื่อว่าอาจจะมีหลายคนที่ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมเราต้องใช้งานการชาร์จไร้สาย เพราะเสียบสายแบบเดิมมันก็ดีอยู่แล้ว แถม wirelesscharger ราคาก็แพงกว่าตัวชาร์จแบบเสียบสาย ดังนั้นวันนี้เราจึงมีคำตอบมาให้ว่าทำไมเราควรใช้ Wireless Charger แล้วเราจะได้ประโยชน์ในด้านไหนบ้าง พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ

                เหตุผลที่ wireless charger ราคาแพงกว่าสายชาร์จทั่วไปแต่ทำไมถึงกลับได้รับความนิยม

1. ไม่ต้องพกสายชาร์จและ Adapter
เพียงคุณมี Wireless Charger และสมาร์ทโฟนของคุณรองรับการชาร์จแบบไร้สาย แค่วางสมาร์ทโฟน ลงบนที่รองชาร์จ ก็สามารถชาร์จแบตได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องไม่ต้องมานั่งพกนั่งม้วนสายชาร์จ ให้พันกันยุ่งอีกต่อไป แถมดีไซน์ของ Wireless Charger ในยุคนี้ก็ออกแบบมาให้พกพาได้สะดวกมาก ๆ นำติดตัวไปไหนมาไหนได้แบบไม่ลำบากเลย

2. พกอันเดียวชาร์จได้หลายเครื่อง
Wireless Charger รุ่นใหม่ ๆ สามารถรองรับการชาร์จพร้อมกันสูงสุดได้ถึง 2 เครื่อง โดยที่ชาร์จด้วยกำลังไฟเท่าเดิม เรียกได้ว่าพก Wireless Charger ไปตัวเดียวก็ใช้งานได้มากขึ้น ไม่ต้องพกสายชาร์จไปหลายอัน นี่คือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

3. ระบบชาร์จไร้สายที่รวดเร็วกว่า
หลายคนอาจมองว่าการชาร์จไร้สายนั้นใช้เวลานานกว่าจะเต็ม แต่ขอบอกว่ามันไม่ใช่อีกแล้วครับ อยากให้มาสัมผัสประสบการณ์การชาร์จด้วยระบบ Qi ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของการชาร์จแบบไร้สาย สามารถจ่ายไฟให้กับ iPhone ของคุณได้ถึง 7.5 วัตต์ ซึ่งจากเดิมหากชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ปกติ จะจ่ายไฟได้เพียงแค่ 5 วัตต์ เรียกได้ว่ารวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้สายปกติ แถมในบางรุ่นสามารถจ่ายไฟได้ถึง 10 วัตต์ เลยด้วย รวดเร็วทันใจจริง ๆ

4. Accessories อื่น ๆ ก็สามารถชาร์จร่วมกันได้
นอกจาก สมาร์ทโฟน แล้ว Accessories อื่น ๆ ที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายก็สามารถใช้การชาร์จได้เช่นกัน อย่าง นาฬิกา สมาร์ทวอทช์ เป็นต้น เพียงแค่มี Wireless Charger เครื่องเดียว คุณก็สามารถชาร์จแบตให้อุปกรณ์ทั้งหมดของคุณได้เลย แบบที่ไม่ต้องพกอุปกรณ์ชาร์จแต่ละแบบให้ยุ่งยาก ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะ

5. รองรับอีกหลายอย่างในอนาคต
โลกของเรากำลังก้าวไปสู่ยุคไร้สายอย่างแท้จริง จะเห็นได้จากทุกวันนี้นวัตกรรมต่าง ๆ เน้นการใช้งานไร้สายหมดแล้ว และเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอุปกรณ์จะสามารถชาร์จแบบไร้สายได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากเรามี Wireless Charger อยู่กับตัวตั้งแต่ตอนนี้ มั่นใจได้เลยว่าจะใช้งานได้ยาว ๆ ซื้อแล้วคุ้มแน่นอน


                ถึงแม้ว่าที่ชาร์จแบบ wireless charger ราคาจะสูงไป สำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าคิดถึงประโยชน์ที่จะได้รับนั้นก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะให้ความสะดวกแล้วยังสามารถใช้งานร่วมกับ Accessories อื่น ๆ ที่ชาร์จแบบไร้สายได้อีกด้วย 

#wirelesschargerราคา 

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

วิธีทำความสะอาดจอ gaming monitor ให้มีอายุการใช้งานที่นานยิ่งขึ้น



ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ในการทำงานนั้นเราใช้คอมพิวเตอร์กันซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นประสิทธิภาพของตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมีผลต่อการทำงาน โดยเฉพาะหน้าจอ monitor หรือหน้าจอแสดงผล เพราะถ้าหน้าจอไม่โอเค สีเพี้ยน แสดงภาพออกมาได้ไม่ชัดเจน มองเห็นตัวหนังสือไม่ชัดเจน ก็อาจจะส่งผลเสียให้กับงานที่กำลังทำอยู่ก็ได้ และยิ่งถ้าเป็นพวกสายเกมเมอร์แล้วละก็จะให้ความใส่ใจกับเรื่องการเลือกหน้าจอเป็นอย่างมากโดยส่วนมากจะเลือกใช้หน้าจอ gaming monitor เป็นจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความกว้างและความใหญ่กว่าจอคอมพิวเตอร์ปกติทั่วไป และเมื่อได้เริ่มเล่นเกมส์แล้วเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยทุกคนจะต้องเล่นเล่นกันนานอย่างน้อย ๆ ก็ต้องมี 2 ชม. ขึ้นไป ดังนั้นเพื่อให้หน้าจอ gaming monitor ดูใหม่ สะอาด น่าใช้งานอยู่ตลอดเวลาเราก็ควรที่จะต้องหาวิธีมาดูแลหรือทำความสะอาดหน้าจอบ้าง เพื่อให้เราสามารถใช้งานมันไปได้อย่างยาวนาน เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจอยากรู้ว่าควรต้องทำอะไรอย่างไงบ้างนั้นก็ตามเรามาทางนี้เลยค่ะ เรามีวิธีดูแลหน้าจอดี ๆ เอามาฝาก

อุปกรณ์และวิธีทำความสะอาดหน้าจอ gaming monitor

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
·         ผ้าเช็ดหน้าจอแบบไมโครไฟเบอร์ จำนวน 2 ผืน
·         น้ำยาทำความสะอาดหน้าจอโดยเฉพาะ

วิธีการทำความสะอาดมีดังนี้
·         ฉีดน้ำยาทำความสะอาดหน้าจอลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์(ผืนแรก) ที่เราเตรียมไว้ และนำไปเช็ดรอบ ๆ ตัวเคสของหน้าจอมอนิเตอร์ก่อน แนะนำว่าอย่าฉีดน้ำยาลงบนเคสของหน้าจอมอนิเตอร์เพราะว่าอาจจะทำให้น้ำยาทำความสะอาดซึมเข้าไปในตัวเครื่อง และอาจจะทำให้มีปัญหาได้
·         ฉีดน้ำยาทำความสะอาดลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์ ทำการเช็ดรอบ ๆ หน้าจอให้ทั่ว อย่าเช็ดแรง เพราะอาจจะทำให้หน้าจอเสียหายได้
·         ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ผืนที่สองในการเช็ดหน้าจอโดยการเช็ดแห้ง

วิธีการรักษาหน้าจอมอนิเตอร์ให้ใช้งานกับเราไปอีกนานแสนนาน
·         เราควรเปิดหน้าจอมอนิเตอร์ก่อนเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์
·         ปรับค่าความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากเราปรับค่าให้สว่างมากเกินไปจะทำให้อายุของหน้าจอภาพสั้นลง และหากเราปรับค่าได้ตามความเหมาะสมจะเป็นตัวช่วยที่ดีอีกทางนึงสำหรับการรักษาหน้าจอมอนิเตอร์
·         ในขณะที่เราจะต้องทิ้งตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ไปทำอย่างอื่น เราก็ควรมีการตั้งค่าแบบพักหน้าจอ หรือไม่ก็ปิดตัวหน้าจอไปเลยครับ เพื่อเป็นการพักงานหน้าจอจากการทำงาน
·         ไม่ควรเปิด ๆ ปิด ๆ หน้าจอเป็นระยะเวลาติด ๆ กัน หากมีความจำเป็นต้องปิดเปิดบ่อย ๆ เราควรทิ้งระยะเวลาไว้เล็กน้อยในการปิดเปิดหน้าจอ


เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ วิธีทำความสะอาดและดูแลรักษาหน้าจอ gamingmonitor ของเราไม่ยุ่งยากเลยใช่ไหมค่ะ มาเริ่มทำความสะอาดหน้าจอและดูแลมันให้ใช้งานได้นาน ๆ กันค่ะ
#gamingmonitor

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ห้ามพลาดกับสิ่งที่ต้องรู้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อจอเล่นเกม


                  ต้องบอกเลยค่ะว่าในปัจจุบันการเล่นเกมคอมพิวเตอร์เป็นอะไรที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยภาพเนื้อหา แสง สี เสียง ที่เสมือนจริงในเกมหลาย ๆ อย่างดึงดูดให้กับผู้ที่เข้ามาเล่นเกมได้เป็นอย่างดีและทำให้อินไปกับการเล่นเกมเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนเป็นการเปิดโลกอีกใบหนึ่งเลยก็ว่าได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องพิถีพิถันเลือกจอเล่นเกมที่ดีที่สุดสัก 1 เครื่องเอาไว้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเล่นเกมให้ไปสู่อีกระดับ ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าคงมีอีกหลายคนไม่น้อยที่อยากจะรู้และสงสัยว่าอะไรคือตัววัดในการเลือกจอเล่นเกมที่ดีที่สุดสำหรับเกมมิ่งล่ะ ซึ่งถ้าจะให้อธิบายอย่างละเอียดคงจะยาวไปจนไม่รู้จบ เอาเป็นว่าหากใครที่กำลังคิดที่จะซื้อจอเล่นเกมอยู่ล่ะก็ ควรที่จะต้องรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

                สิ่งที่ควรจะต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อจอเล่นเกม
1. Resolution
สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อจอสำหรับเล่นเกมก็คือความละเอียดของหน้าจอหรือ Resolution นั้นเอง ยิ่งความละเอียดยิ่งสูง จำนวน Pixel ในหน้าจอจะมากขึ้นตามไปด้วย และนั้นหมายถึงรายละเอียดและความคมชัดของภาพในหน้าจอ คุณภาพของกราฟฟิกในเกมจะดูดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความละเอียดของหน้าจอเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ยิ่งความละเอียดของภาพยิ่งสูง ก็ยิ่งเป็นการฉุดเฟรมเรทของเกมให้ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นถ้าถ้าเล่นเกมและใช้จอที่มีความละเอียดขนาด 4K หรือสูงกว่านั้น และอยากได้เฟรมเรทที่สูงกว่า 60 เฟรม ก็ต้องมีเครื่อง PC ที่ทรงพลังในการรันด้วย ไม่อย่างงั้นต่อให้จอรับได้แต่เล่นไปกระตุกไปก็คงไม่ดีแน่นอน
2. Refresh rate
หนึ่งในหัวข้อที่มีการถกเถียงและเป็นประเด็นกันมากที่สุดในโลกออนไลน์ ว่าจอที่มี Refresh Rate ขึ้นไปแตะระดับ 144Hz นั้นจำเป็นสำหรับการเล่นเกมหรือไม่ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้วมันก็อยู่ที่เกมไหนจะรองรับการปรับค่าเฟรมเรทที่สูงกว่า 120 ขึ้นไปหรือไม่มากกว่า แต่ผลพลอยได้ที่มาจากค่า Refresh Rate ที่สูงขึ้นก็คือความลื่นไหลและสบายตาในการใช้งานแบบปกติมากขึ้น เกมเมอร์บางคนถึงกับเอ่ยปากเลยว่า ถ้าหากได้สัมผัสกับความลื่นไหลของจอแบบ 144Hz แล้วสักครั้งหนึ่ง จะกลับไปใช้จอแบบ 60Hz ไม่ได้กันเลย แต่ก็เป็นกรณีเดียวกันกับเรื่องของ Resolution ที่ถ้าหากเครื่อง PC ประสิทธิภาพไม่สูง และไม่สามารถทำเฟรมเรทไปถึง 120 เฟรมมันก็ดูจะไม่ได้รับผลประโยชน์ตรงจุดนี้เท่าไหร่นัก ถ้าหากคุณเป็นเกมเมอร์ที่เน้นเล่นเกมแบบ FPS และแอคชั่นที่ต้องใช้การรีดเฟรมเรทขั้นสูง ก็จะเหมาะกับการใช้งานจอแบบที่ Refresh Rate สูง ๆ หรือถ้าหากงบไม่เอื้ออำนวย ก็อาจจะเลือกจอที่ไม่ต้องมี Refresh Rate สูงมากเพื่อประหยัดเงินก็ได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ซีเรียสกับความลื่น ก็อาจจะต้องยอมจ่ายกันหน่อย
3. Adaptive Sync
เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่หลาย ๆ คน คงงงว่า ถ้ามีหรือไม่มีแล้วมันจะใช้งานได้หรือเปล่า ? ซึ่งเจ้า Adaptive Sync ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือ FreeSync จาก AMD และ G-Sync จาก Nvidia ซึ่งตัว Sync ทั้งสองแบบจะช่วยให้การฉีกขาดของภาพเวลาเคลื่อนไหวเร็ว ๆ นั้นลดลงหรือหายไป ทำให้ภาพที่ได้นั้นดูสบายตาขึ้น สำหรับ FreeSync นั้นจะมีมาให้กับจอเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่และไม่ต้องจ่ายค่าตัวเพิ่ม แต่สำหรับ G-Sync นั้นจะไปอยู่กับจอตัวท็อประดับแพง ๆ เสียมากกว่า โดยสำหรับจอที่มีฟังก์ชั่น G-Sync นั้นจะแพงกว่าถึง 3 – 4 พันบาทเลยทีเดียว แต่ถ้าใครไม่กังวลเรื่องเงินอยู่แล้วและใช้การ์ดจอ Nvidia ก็อาจจะยอมจ่ายเพื่อใช้งานฟังก์ชั้นนี้ก็ย่อมได้ ส่วนผู้ใช้ AMD ก็จะประหยัดเงินไปได้หน่อย เพราะจอเล่นเกมที่ FreeSync นั้นมีราคาไม่แพงและหาได้ง่ายดายกว่ามาก
4. Panel แบบ TN และ IPS
ในปัจจุบันนี้จอมอนิเตอร์จะมี Panel อยู่สองแบบ คือ IPS และ TN เราลองมาทำความรู้จักกับจอทั้งสองประเภทนี้กัน
TN หรือ Twisted Nematic จะเป็นจอที่มีอัตราการตอบสนองหรือ Response Time ที่ดี แต่จะมีปัญหาในเรื่องของการแยกเม็ดสีที่จะไม่เที่ยงตรงมากนัก ซึ่งเหมาะกับการเล่นเกมและมีราคาที่ไม่แพง
IPS หรือ In-plane Switching จะมีจุดเด่นในเรื่องของความคมชัดและสวยงามกว่าแบบ TN และสีที่ได้จะเพี้ยนน้อยกว่าแบบ TN อยู่พอสมควร แต่ก็แลกมาด้วยความไวในการตอบสนองที่จะด้อยกว่านิดหน่อย
5. Response Time
ข้อนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับคนที่เล่นเกมแนวต่อสู้หรือ FPS เพราะถ้าหากจอมีการตอบสนองช้าหรือหน่วงไปแม้แต่นิดเดียวก็สามารถพลิกผลแพ้ชนะได้เลย แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบเสพบรรยากาศในการเล่นเกมมากกว่าจะมาซีเรียสเรื่องการตอบสนอง ก็อาจจะมองข้ามในส่วนนี้ไปได้บ้าง(แต่ก็ไม่ควรให้ห่างมาก เพราะถ้าดีเลย์ถึงขั้นวิสองวินี่ได้หงุดหงิดกันแน่นอนไม่ว่าจะเกมแนวไหน)
6.ขนาดของจอ
ทุกวันนี้เราสามารถเลือกซื้อจอสำหรับเล่นเกมที่ขนาด 21 – 27 นิ้วได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินมากเท่าสมัยก่อน ในยุคนี้การหาจอเพื่อเล่นเกมขนาด 25 นิ้วในราคาแค่ห้าพันกว่า ๆ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเลือกขนาดของจอก็คือขนาดของโต๊ะคอม ระยะห่างระหว่างผู้ใช้งานและตำแหน่งของจอ อย่าลืมว่าจอยิ่งใหญ่ก็ต้องยิ่งนั่งให้ห่างกว่าเดิม ถ้าหากโต๊ะของเราเล็ก และขนาดห้องไม่ใหญ่มาก ก็ควรเลือกจอที่ขนาดพอดีกับระยะสายตาและตำแหน่งที่นั่งให้เหมาะสมด้วย
7.พอร์ทการเชื่อมต่อ

ในปัจจุบันจอสำหรับเล่นเกมมีพอร์ทการเชื่อมต่ออยู่หลายแบบ โดยหลัก ๆ มีดังต่อไปนี้
Display Port 1.4 เป็นการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ให้ความคมชัดทั้งภาพและเสียงอย่างครบถ้วน แถมยังรองรับ Refresh Rate ได้สูงอีกด้วย
HDMI 1.4/2.0 การเชื่อมต่อแบบมาตรฐานของเครื่องคอนโซลและ PC ส่วนใหญ่ ให้ความคมชัดและเสียงอยู่ในระดับที่ดี แต่จะไม่รองรับ Refresh Rate ในระดับสูง ๆ เหมือนกับ Display Port
ซึ่งถ้าหากคุณผู้อ่านอยากจะให้จอใช้งานในโหมด 144Hz ก็ต้องใช้การเชื่อมต่อแบบ Display Port และขอให้สังเกตดูตรงหัวสำหรับเชื่อมต่อให้ดีด้วย เพราะ Display Port และ HDMI Port นั้นมีลักษณะคล้ายกันมาก ดูให้ดีก่อนเสียบและเลือกใช้งานให้เหมาะสม

                เมื่อเรารู้ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญในการเลือกซื้อจอเล่นเกมเหล่านี้แล้ว สิ่งต่อมาคือดูด้านงบประมาณที่เราได้ตั้งเอาไว้ว่าเพียงพอต่อการซื้อหรือไม่ รวมไปจนถึงสอดคล้องกับงานที่เราจะใช้ทำไหม เพราะถ้าเน้นเล่นเกมแนว Competitive และมีเงินไม่อั้น ก็ควรเลือกซื้อจอแบบ 144Hz TN มาใช้งานเพื่อความบันเทิงสูงสุด แต่ถ้าหากเราทำงานด้านกราฟฟิกที่ต้องการให้สีแสดงผลอย่างถูกต้อง ก็ควรดูจอแบบ IPS ที่ให้ความคมชัดของสีมากกว่าแบบนี้เป็นต้น อย่าละเลยการเลือกจอภาพสำหรับใช้งาน เพราะมันคือสิ่งที่เราจะต้องจ้องมองมันทุกครั้งเพื่อรับความบันเทิงจากเกมที่เล่นและสิ่งที่ทำ สุดท้ายนี้เราหวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกหน้าจอเล่นเกมที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองเจอนะคะ

#จอเล่นเกม 

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

นาฬิกา smartwatchมีดียังไงทำไมใคร ๆ ก็ต่างหลงรัก



    ทุกวันนี้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก อย่างเช่น นาฬิกา smartwatch ที่ถูกออกแบบมาให้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยเจ้า นาฬิกา smartwatch นั้นอัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากมาย และตอบโจทย์ได้ดีกับคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เพราะมีข้อดีหลาย ๆ อย่างที่ดีต่อการออกกำลังกาย โดยจะมีข้อดีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

                ข้อดีของการใช้ นาฬิกา smartwatch เวลาออกกำลังกาย
1.สถิติก็เก็บไว้ให้ ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญ จำนวนก้าวในการเดิน ช่วงเวลาที่มีกิจกรรมสูงสุด-ต่ำสุดในแต่ละวัน เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยคำนวณทุกการเคลื่อนไหวออกมาเป็นสถิติ เพื่อให้เราคอยสังเกตว่าวันนี้เคลื่อนไหวมากน้อย สถิติคงที่หรือผิดปกติมั้ย ง่าย ๆ เลย ถ้าคุณไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย แต่อยากใส่การเคลื่อนไหวที่มากขึ้นหน่อยแทรกในชีวิตประจำวัน ก็เซ็ตเป้าหมายไว้ที่นาฬิกา ผ่านแอปพลิเคชั่นของแบรนด์นั้น ๆ ถ้าทำได้ถึงเป้าหมายจะฟินอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ

2.จะกินจะนอนก็เตือน นาฬิกาบางรุ่นสามารถบอกได้ว่าวันนี้ต้องออกกำลังกายเพื่อเบิร์นพลังงานออกกี่แคลอรี่ สามารถใส่นอนก็ได้ พร้อมคอยเก็บสถิติการนอนในแต่ละวันว่านอนหลับสนิทกี่ชั่วโมง บางรุ่นสามารถวัดความเครียดจากอัตราการเต้นของหัวใจเราเมื่ออยู่กับที่ได้ และเตือนให้เราขยับร่างกายบ้างหากอยู่นิ่ง ๆ นานเกินไป แบบนี้จะช่วยให้เรารู้ตัวว่าละเลยการดูแลตัวเอง หรือปล่อยให้ตัวเองเครียดเกินไปรึเปล่า โดยดูได้จากสถิติจริง ๆ ไม่ใช่วัดเอาจากความรู้สึก

3. กระตุ้นด้วยสถิติการออกกำลังกาย ทั้งระยะทางการวิ่ง จำนวนก้าว แคลอรี่ที่เผาผลาญออกไป หรือแม้กระทั่งสถิติเฉพาะกีฬาบางชนิด เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นสกี ตีกอล์ฟ ปั่นจักรยาน ฯลฯ เพื่อให้นักกีฬาเห็นพัฒนาการการฝึกฝนของตัวเอง หรือคนที่ออกกำลังกายทั่วไป ก็สามารถรู้ข้อมูลการออกกำลังกายของตัวเอง เหมือนมีเทรนเนอร์คอยเตือนว่าวันนี้เราออกกำลังกายครบตามเป้ารึยัง พัฒนาการเป็นอย่างไร ถ้าทำได้ตามเป้าก็จะยิ่งมีแรงบันดาลใจให้อยากออกกำลังกายทุกวัน

4.เก็บข้อมูลระยะทางว่าฝึกซ้อมมาไกลแค่ไหน ถือเป็นฟังค์ชั่นสำคัญที่ช่วยให้นักวิ่ง และนักกีฬาทั้งหลายหายกังวล เพราะจะคอยบอกว่าเราฝึกซ้อมมาเป็นระยะทางเท่าไหร่ และอยู่ที่ไหน จะได้รู้ว่าตัวเองฝึกซ้อมได้ระยะทางตามเป้าหมายหรือเปล่า พร้อมกับแสดงสถิติเพื่อให้เราเห็นถึงพัฒนาการของตัวเองด้วย นอกจากนี้ บางรุ่นยังมีคุณสมบัติกันน้ำ จะใส่ว่ายน้ำ ลุยฝน หรือจะใส่อาบน้ำด้วยก็ยังได้ เรียกว่าใส่เล่นกีฬาก็ดี ทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ก็ได้ แถมระบบนี้ยังกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญของเทรนด์การวิ่งมาราธอนแบบใหม่ที่เรียกว่า Virtual Run โดยนักวิ่งไม่จำเป็นต้องไปยังสถานที่จัดงาน แต่วิ่งเก็บสถิติเองแล้วส่งไปร่วมกิจกรรมก็ยังได้

5.อยู่ที่ไหนก็ไม่พลาดการติดต่อ นาฬิกาเพื่อสุขภาพถึงมีอีกชื่อว่า smart watch ไง เพราะทำได้มากกว่าบอกเวลา บอกสถิติทางสุขภาพ ด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสาร แม้จะออกกำลังกายอยู่ นาฬิกาก็จะคอยแจ้งเตือนทั้งสายเรียกเข้า ข้อความ อัพเดทโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทำให้เราไม่พลาดทุกข้อความสำคัญ แถมยังคอยเตือนกำหนดการนัดหมายต่าง ๆ ราวกับเป็นเลขาส่วนตัวด้วย


                แหละด้วยประโยชน์ที่ได้รับมากมายขนาดนี้จึงส่งผลให้นาฬิกาsmartwatch ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชอบใช้สินค้าไอทีที่ทันสมัยอยู่แล้ว หรือจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย นาฬิกา smartwatch ก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แถมนาฬิกา smartwatch บางรุ่นสามารถฟังเพลงได้ด้วยทำให้ผู้ใช้รู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปกับการออกกำลังกายค่ะ

#นาฬิกาsmartwatch