ต้องยอมรับเลยว่าในยุคนี้หูฟังออกกําลังกายกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คน
ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว ซึ่งการออกกำลังกายก็สามารถที่จะทำได้อย่างหลายรูปแบบตามความสะดวก
ทั้งการเข้าฟิตเนสเพื่อเล่นเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ ที่มีให้เลือกสไตล์ การวิ่ง
การเต้นแอโรบิก หรือการเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ
ก็ถือว่าเป็นทางเลือกในการออกกำลังกายเช่นเดียวกัน
และแน่นอนว่าการฟังเพลงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในระหว่างการออกกำลังกาย
ที่จะช่วยเพิ่มความสนุกสนาน และการเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้อย่างคล่องตัวและมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น
เป็นส่วนช่วยสำคัญในการเผาผลาญแคลอรี่อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีประเภทของหูฟังต่าง
ๆ มากมาย ที่ให้เราสามารถเลือกซื้อเอามาใช้งานได้อย่างเหมาะสม
และตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบบลูทูธ
หรือแม้แต่หูฟังที่ถูกออกแบบมาไม่ให้หลุดออกจากหูง่ายตอนเล่นกีฬา เป็นต้น
ซึ่งหูฟังแต่ละประเภทนั้นต่างก็มีประสิทธิภาพ ระยะเวลาที่สามารถเล่นเพลงได้ต่อเนื่อง
ความรู้สึกเวลาสวมใส่ที่แตกต่างกันไป
การจะให้เลือกให้ถูกใจตรงตามไลฟ์สไตล์ก็คงไม่ง่ายซะทีเดียว ดังนั้นเราจึงอยากที่จะแนะนำวิธีการเลือกหูฟังออกกําลังกายให้ได้ดีเอามาฝาก พร้อมแล้วมาดูกันเลย
แนะนำวิธีการเลือกหูฟังออกกําลังกายให้ได้ของดี มีคุณภาพ และเหมาะสมกับการนำไปใช้งาน
1.เลือกตามประเภทการใช้งาน
ควรเลือกหูฟังตามจุดประสงค์ที่ใช้งาน
หากคุณเป็นคนที่รักในการออกกำลังกายหลากหลายประเภทไม่ว่าจะทางบกหรือทางน้ำก็ตามแต่
การเลือกหูฟังที่มีคุณสมบัติป้องกันทั้งฝุ่นและน้ำจะเป็นคำตอบของคุณ
2.แบตเตอรี่
หากคุณจำเป็นต้องใช้หูฟังออกกำลังกายในระยะเวลาที่นานก็อาจจะต้องมองหาหูฟังที่มีปริมาณแบตเตอรี่ที่มากพอต่อการใช้งาน
3.ปัญหากวนใจ
ด้วยความที่มีหูฟังหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น
หูฟังแบบครอบหู (On-ear Headphone), หูฟัง
Earbuds, หูฟังประเภท In-Ear ซึ่งก็จะแยกกออกเป็นแบบมีสาย
กับแบบหูฟังไร้สาย (หูฟังบลูทูธ) ดังนั้นเมื่อทราบถึงประเภทของหูฟังต่าง ๆ แล้ว
บางท่านอาจจะไม่ชอบหูฟังออกกำลังกายที่มีสายเกะกะก็ควรเลือกหูฟังประเภทไร้สายหรือบางท่านอาจจะมีปัญหาระคายเคืองจากหูฟังแบบสอดหู
In-Ear ก็สามารถเลือกใช้หูฟังแบบเกี่ยวหูหรืออื่น ๆ
เพื่อลดปัญหากวนใจได้
4.มาตรฐานการกันน้ำ
IP (Ingress Protection Ratings) คือ
มาตรฐานที่กำหนดในการชี้วัดหูฟังหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
ว่าสามารถปกป้องฝุ่นและน้ำได้ในระดับไหน ซึ่งจะประกอบไปด้วยเลข 2
หลัก เช่น IP55 เป็นต้น
ซึ่งในบางอุปกรณ์อาจจะรองรับการป้องกันอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรองกับการป้องกันทั้งสองแบบเลยก็ได้
เรามาดูตัวเลขทั้ง 2 หลักกันว่ามันหมายถึงอะไรบ้าง
·
ตัวเลขหลักแรก
หมายถึงระดับการป้องกันฝุ่นของอุปกรณ์ โดยมีระดับ 0
ไปจนถึง 6
โดยตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงความสามารถในการป้องกันฝุ่นที่เพิ่มมากขึ้น เช่น IP6X
·
ตัวเลขหลักที่สอง หมายถึงระดับการป้องกันน้ำของอุปกรณ์
โดยมีระดับ 0 ไปจนถึง 9 โดยตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงความสามารถในการป้องกันน้ำที่เพิ่มมากขึ้น
เช่น IPX7
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการเลือกหูฟังออกกำลังกายที่เราได้แนะนำมา
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับใครหลาย ๆ คน ที่กำลังจะซื้อหูฟังเพื่อเอามาใช้งานให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของตนเองได้นะคะ
และไม่ว่าคุณจะเลือกหูฟังแบบไหนก็ตามก็ไม่ควรที่จะใช้หูฟังเปิดเสียงดังในเวลานานเกินไปนะคะ
เพราะในอาจจะทำให้เรามีปัญหาในเรื่องการได้ยิน ดังนั้นเวลาใช้งานควรเปิดเสียงให้พอดี
และใช้งานหูฟังขณะฟังเพลงให้เหมาะสมด้วยนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น