วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564

วิธีการเลือกหูฟังออกกําลังกายให้ได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุด

 


ต้องยอมรับเลยว่าในยุคนี้หูฟังออกกําลังกายกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คน ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว ซึ่งการออกกำลังกายก็สามารถที่จะทำได้อย่างหลายรูปแบบตามความสะดวก ทั้งการเข้าฟิตเนสเพื่อเล่นเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ ที่มีให้เลือกสไตล์ การวิ่ง การเต้นแอโรบิก หรือการเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกในการออกกำลังกายเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าการฟังเพลงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในระหว่างการออกกำลังกาย ที่จะช่วยเพิ่มความสนุกสนาน และการเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้อย่างคล่องตัวและมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น เป็นส่วนช่วยสำคัญในการเผาผลาญแคลอรี่อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีประเภทของหูฟังต่าง ๆ มากมาย ที่ให้เราสามารถเลือกซื้อเอามาใช้งานได้อย่างเหมาะสม และตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด  ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบบลูทูธ หรือแม้แต่หูฟังที่ถูกออกแบบมาไม่ให้หลุดออกจากหูง่ายตอนเล่นกีฬา เป็นต้น ซึ่งหูฟังแต่ละประเภทนั้นต่างก็มีประสิทธิภาพ ระยะเวลาที่สามารถเล่นเพลงได้ต่อเนื่อง ความรู้สึกเวลาสวมใส่ที่แตกต่างกันไป การจะให้เลือกให้ถูกใจตรงตามไลฟ์สไตล์ก็คงไม่ง่ายซะทีเดียว ดังนั้นเราจึงอยากที่จะแนะนำวิธีการเลือกหูฟังออกกําลังกายให้ได้ดีเอามาฝาก พร้อมแล้วมาดูกันเลย

แนะนำวิธีการเลือกหูฟังออกกําลังกายให้ได้ของดี มีคุณภาพ และเหมาะสมกับการนำไปใช้งาน

1.เลือกตามประเภทการใช้งาน

ควรเลือกหูฟังตามจุดประสงค์ที่ใช้งาน หากคุณเป็นคนที่รักในการออกกำลังกายหลากหลายประเภทไม่ว่าจะทางบกหรือทางน้ำก็ตามแต่ การเลือกหูฟังที่มีคุณสมบัติป้องกันทั้งฝุ่นและน้ำจะเป็นคำตอบของคุณ

2.แบตเตอรี่

หากคุณจำเป็นต้องใช้หูฟังออกกำลังกายในระยะเวลาที่นานก็อาจจะต้องมองหาหูฟังที่มีปริมาณแบตเตอรี่ที่มากพอต่อการใช้งาน

3.ปัญหากวนใจ

ด้วยความที่มีหูฟังหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น หูฟังแบบครอบหู (On-ear Headphone), หูฟัง  Earbuds, หูฟังประเภท In-Ear ซึ่งก็จะแยกกออกเป็นแบบมีสาย กับแบบหูฟังไร้สาย (หูฟังบลูทูธ) ดังนั้นเมื่อทราบถึงประเภทของหูฟังต่าง ๆ แล้ว บางท่านอาจจะไม่ชอบหูฟังออกกำลังกายที่มีสายเกะกะก็ควรเลือกหูฟังประเภทไร้สายหรือบางท่านอาจจะมีปัญหาระคายเคืองจากหูฟังแบบสอดหู In-Ear ก็สามารถเลือกใช้หูฟังแบบเกี่ยวหูหรืออื่น ๆ เพื่อลดปัญหากวนใจได้

4.มาตรฐานการกันน้ำ

IP (Ingress Protection Ratings) คือ มาตรฐานที่กำหนดในการชี้วัดหูฟังหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ว่าสามารถปกป้องฝุ่นและน้ำได้ในระดับไหน ซึ่งจะประกอบไปด้วยเลข 2 หลัก เช่น IP55 เป็นต้น ซึ่งในบางอุปกรณ์อาจจะรองรับการป้องกันอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรองกับการป้องกันทั้งสองแบบเลยก็ได้ เรามาดูตัวเลขทั้ง 2 หลักกันว่ามันหมายถึงอะไรบ้าง

·         ตัวเลขหลักแรก หมายถึงระดับการป้องกันฝุ่นของอุปกรณ์ โดยมีระดับ 0 ไปจนถึง 6 โดยตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงความสามารถในการป้องกันฝุ่นที่เพิ่มมากขึ้น เช่น IP6X

·         ตัวเลขหลักที่สอง หมายถึงระดับการป้องกันน้ำของอุปกรณ์ โดยมีระดับ 0 ไปจนถึง 9 โดยตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงความสามารถในการป้องกันน้ำที่เพิ่มมากขึ้น เช่น IPX7

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการเลือกหูฟังออกกำลังกายที่เราได้แนะนำมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับใครหลาย ๆ คน ที่กำลังจะซื้อหูฟังเพื่อเอามาใช้งานให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของตนเองได้นะคะ และไม่ว่าคุณจะเลือกหูฟังแบบไหนก็ตามก็ไม่ควรที่จะใช้หูฟังเปิดเสียงดังในเวลานานเกินไปนะคะ เพราะในอาจจะทำให้เรามีปัญหาในเรื่องการได้ยิน ดังนั้นเวลาใช้งานควรเปิดเสียงให้พอดี และใช้งานหูฟังขณะฟังเพลงให้เหมาะสมด้วยนะคะ

#หูฟังออกกําลังกาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น