เคล็ดลับการเลือกซื้อแท็บเล็ต จอใหญ่ คุณภาพดีที่จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง

 

แท็บเล็ตจัดว่าเป็นอุปกรณ์ผสมผสานระหว่างสมาร์ทโฟนและโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ โดยบางรุ่นสามารถโทรศัพท์ได้ด้วยการใส่ SIM card และด้วยความที่แท็บเล็ต จอใหญ่ จึงเหมาะกับการเอามาใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะใช้ทำงาน ใช้ในการเรียนการสอน หรือแม้กระทั้งอ่านหนังสือ นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักที่ทั้งเบาและขนาดที่บางกะรัดทัด จึงตอบโจทย์ในการใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่ในปัจจุบันมีแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ ออกมาหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อกันเยอะมากจนผู้บริโภคอย่างเราสับสนและไม่รู้ว่าจะต้องเลือกยังไงดี ก็ตามเรามาทางนี้ได้เลยค่ะ เดี๋ยวเราจะบอกเคล็ดลับในการเลือกซื้อให้เอง

เคล็ดลับการเลือกซื้อแท็บเล็ต จอใหญ่ คุณภาพดีที่จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง

1. เลือกระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการของแท็บเล็ตก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย เพราะระบบปฏิบัติการเปรียบเสมือนตัวกลางที่ทำหน้าที่เชื่อมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ (ตัวเครื่อง) กับซอฟต์แวร์ (แอปพลิเคชัน) ปัจจุบันมีระบบปฏิบัติการให้เลือกใช้งาน 3 ตัวหลัก ๆ ประกอบด้วย

iOS : มีประสิทธิภาพและความเสถียรสูง แต่รองรับแอปพลิเคชันและอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น

Android : เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่าย สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Android ที่หลากหลายกว่า iOS

Windows : ระบบปฏิบัติการที่รองรับไฟล์ทุกรูปแบบ ทำให้เหมาะกับการใช้งานด้านเอกสาร และแน่นอนว่า รองรับเฉพาะแอปพลิเคชันจาก Windows Store เท่านั้น

2. พื้นที่เก็บข้อมูล

พื้นที่เก็บข้อมูลก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม แม้ทุกวันนี้เราจะสามารถโอนย้ายข้อมูลไปฝากไว้ที่ Google Drive หรือบน Cloud ได้ แถมสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายไม่ว่าคุณจะล็อกอินด้วยอุปกรณ์เครื่องใดก็ตาม แต่การที่แท็บเล็ตของเรามีพื้นที่เก็บข้อมูลเยอะ ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณสามารถอัปเดตหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ต้องการได้แบบไม่ต้องกังวลว่าจะมีพื้นที่ไม่พอ

3. รูปแบบการใช้งานแท็บเล็ต

ตอบตัวเองให้ได้ว่า ต้องการซื้อแท็บเล็ตมาใช้งานด้านไหน เพื่อให้สามารถกำหนดสเปกแท็บเล็ต ฟังก์ชันการใช้งานได้แบบคร่าว ๆ อาทิ ต้องการซื้อแท็บเล็ตเพื่อเรียนออนไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำงานด้านกราฟิกแบบง่าย ๆ เป็นต้น

4. ราคาสมเหตุสมผล

หลายคนเลือกใช้ "ราคา" เป็นตัวเปรียบเทียบคุณสมบัติแท็บเล็ตว่า คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ เพราะแท็บเล็ตหลาย ๆ รุ่นมีราคาใกล้เคียงกัน แต่สเปกเครื่อง ฟีเจอร์การใช้งาน ขนาดหน้าจอ และความคมชัดต่างกันมาก ฉะนั้นถ้ายอมตัดใจเพิ่มเงินอีกไม่กี่ร้อยอาจได้แท็บเล็ตที่มีคุณสมบัติครบครันกว่ามาใช้งาน

5. บริการหลังการขาย

บริการหลังการขาย เป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญ เพราะถ้าเครื่องมีปัญหาไม่ว่าจะมีปัญหาหลังซื้อแท็บเล็ตมาใช้งานไม่กี่เดือน (ยังอยู่ในประกัน) หรือใช้งานมา 2-3 ปีแล้ว สามารถส่งซ่อมได้ที่ไหนบ้าง ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าอย่างไร ฉะนั้นประเด็นนี้อย่าลืมถามพนักงานขายให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง

ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อแท็บเล็ต จอใหญ่ยี่ไหนก็แล้วแต่หากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลไว้บ้าง ก็มีโอกาสที่คุณจะเลือกพลาดได้ เพราะแท็บเล็ตที่มีวางขายอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีเยอะมากมายหลายรุ่น แถมบางรุ่นก็ไม่มีศูนย์บริการ อาจจะกลายเป็นสูญเงินฟรีไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อค่ะ

#แท็บเล็ต จอใหญ่ 

สิ่งสำคัญที่ควรนำมาเปรียบเทียบ แท็บเล็ตของแต่ละรุ่นก่อนตัดสินใจซื้อ

 

แท็บเล็ต ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับหลาย ๆ คนได้เยอะมาก ไม่ว่าจะใช้ทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือแม้แต่ใช้ในการเรียนการสอนก็ได้ทั้งหมด และด้วยความที่มีประโยชน์มากมายขนาดนี้จึงไม่แปลกเลยที่แท็บเล็ตจะกลายเป็นที่นิยมได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งคนนิยมมากขึ้นเท่าไรก็จะมีหลายบริษัทเข้ามาทำธุรกิจนี้กันมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากในปัจจุบันที่มีแท็บเล็ต วางจำหน่ายมากมายหลายแบรนด์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกและทำการเปรียบเทียบ แท็บเล็ต ได้มากขึ้น และสามารถหาแท็บเล็ตที่ถูกใจที่สุดให้กับตนเองได้ โดยสิ่งที่ควรนำมาเปรียบเทียบ แท็บเล็ต แต่ละรุ่นนั้นควรดูจากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

สิ่งสำคัญที่ควรนำมาเปรียบเทียบ แท็บเล็ตของแต่ละรุ่นก่อนตัดสินใจซื้อ

1. iOS, Android or Windows?: ไอโอเอส, แอนดรอย หรือ วินโดวส์ดี?

สิ่งแรกที่เราต้องรู้จักและทำความเข้าใจก็คือระบบปฏิบัติการ แล้วระบบปฏิบัติการคืออะไร ? อธิบายแบบง่าย ๆ คือ “โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ (ตัวเครื่อง) และซอฟท์แวร์(แอพลิเคชั่น)” ตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็พวก Windows ซึ่ง Windows Vista, 7, 8 ต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการเช่นกัน และแท็บเล็ตก็จำเป็นที่ต้องมีระบบปฏิบัติการไว้สำหรับใช้งาน ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็จะมีระบบปฏิบัติการหลัก ๆ อยู่ 4 ตัวในตลาด

2. CPU & GPU: เร็วขนาดไหนถึงจะพอ?

โดยการทำงานในทั้งสองส่วนจะมีหน่วยความเร็วเป็น GHz ซึ่งยิ่งมีมากก็แปลว่าเร็วมาก ในส่วนของ CPU นอกจากจะดูเรื่อง GHz แล้วยังมีในส่วนของ แกนสมองที่ใช้ทำงานหรือที่เรียกกันว่า CORE ต่ำสุดจะอยู่ที่ 1 core/single core ตัวอย่างเช่น 4 core/quad-core จะทำงานได้เร็วกว่า 2 core/dual-core ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานด้วยว่าใช้งานแบบไหน สเปคพื้นฐานสามารถดูได้ที่ข้างกล่องสินค้าและใบแนะนำสินค้าได้เลย

3. Wireless Connection: ส่งเพลง ส่งรูปแบบไร้สาย จำเป็นไหม

ส่วนใหญ่แท็บเล็ตจะมีฟังก์ชันการเชื่อมต่อ wi-fi และบลูทูธเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว (ในส่วนของแท็บเล็ตที่สามารถโทรออกได้ จะมีในส่วนของการใช้ 3G เพิ่มเข้ามา) แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูลแบบใหม่เพิ่มเข้ามาคือ NFC หรือ การรับส่งข้อมูลระยะใกล้ซึ่งทำได้รวดเร็วกว่าบลูทูธ แต่รัศมีการรับ-ส่งข้อมูลจะแคบกว่า NFC มีอยู่ในแท็บเล็ตเช่น Samsung Galaxy note 8 เป็นต้น ดังนั้นการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่มีการเชื่อมต่อไร้สายที่หลากหลาย ก็จะช่วยให้สะดวกในการรับ-ส่งข้อมูล ไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมมาช่วย NFC สามารถค้นได้จากเมนู settings>connection (แต่ละยี่ห้อจะมีตำแหน่งการวาง NFC ไม่เหมือนกัน โปรดสอบถามจนท.)

4. Connection port: ช่องเสียบรอบตัว ช่องไหนคืออะไร?

แท็บเล็ตส่วนใหญ่จะมีช่องสำหรับเชื่อมต่อผ่าน USB อยู่แล้วเป็นหลัก เพื่อไว้ใช้โอนถ่ายข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งใช้คู่กับกล้องดิจิตอลหรือมือถือ โดยไม่ต้องเสียเวลา sync ข้อมูลให้ยุ่งยาก ซึ่งทำให้ข้อมูลสูญหายได้ง่าย สำหรับ iPad ไม่มีช่องเสียบใด ๆ นอกจาก USB ติดมากับตัวเครื่องต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมถึงจะสามารถใช้งานได้ แต่สำหรับแท็บเล็ต Android และ Windows ส่วนมากจะมีช่องเสียบเพิ่มเติมติดมากับตัวเครื่อง โดยไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริม ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวได้

5. Phone capabilities: โทรออกได้ แต่ไม่ใช่ทุกเครื่อง

แท็บเล็ตบางรุ่นสามารถใช้โทรออกได้เหมือนโทรศัพท์ทั่วไป จะช่วยเสริมให้คุณทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องพกอุปกรณ์สื่อสารหลายๆเครื่อง แต่ทั้งนี้ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ไม่ชอบพกเครื่องมือสื่อสารเครื่องใหญ่ ๆ แต่ก็ถือเป็นฟังก์ชั่นตัวเลือกที่น่าสนใจ ถ้าต้องการแท็บเล็ตที่ทำได้ทุกอย่าง เครื่องเดียวครบ

6. Screen size and Resolution: ใหญ่หรือเล็ก? ชัดเท่าไหร่ดี?

ขนาดหน้าจอของแท็บเล็ตก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการเลือกซื้อ ขึ้นอยู่กับการใช้งานหรือความชอบของแต่ละคน ทั้งนี้การใช้งานหากเลือกขนาดที่เหมาะสมก็จะมีผลในการช่วยถนอมสายตา

7. After sale service/Warranty: พังขึ้นมา ทำไงต่อดี?

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหากเกิดเราซื้อมาแล้วเครื่องมีปัญหา แม้จะเครื่องจะสเปคดีแค่ไหน ของแถมเยอะยังไง แต่สุดท้ายถ้าไม่มีบริการหลังการขายหรือใบประกันสินค้า พอถึงเวลาที่เครื่องมีปัญหา ก็ไม่สามารถนำไปใช้อะไรได้ เท่ากับซื้อเครื่องเปล่า ๆ มาไว้ประดับบ้านเท่านั้นเอง จึงควรเช็คให้แน่ใจว่าเครื่องที่เราซื้อมามีประกันกี่ปี ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าอย่างไรและมีศูนย์ซ่อมที่ไหนบ้าง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับสิ่งสำคัญที่ควรนำมาเปรียบเทียบ แท็บเล็ตก่อนซื้อที่เรานำมาฝากเชื่อเลยว่าหากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลไว้จะต้องตัดสินใจได้ยาก หรือไม่รู้ว่าควรที่จะต้องเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดี ที่จะมาตอบโจทย์ในการใช้งานของคุณ เพราะแท็บเล็ตที่มีวางขายอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีมากมายหลายรุ่นจริง ๆ แถมบางรุ่นบางยี่ห้อก็ไม่มีศูนย์บริการ อาจจะกลายเป็นสูญเงินฟรีไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อด้วยนะคะ

#เปรียบเทียบ แท็บเล็ต

หลักการทำงานของที่ชาร์จแบตไร้สายแบบง่าย ๆ กระชับรัด

 

อุปกรณ์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนจำเป็นจะต้องมีติดตัวไว้สำหรับใช้งานกันอยู่แล้วเป็นประจำในทุกวัน ซึ่งตามปกติแล้วมักจะเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมสายสำหรับการชาร์จ ซึ่งถ้าชาร์จหลาย ๆ เครื่องสายชาร์จแบตก็จะเกะกะไปหมด แถมมีปัญหาของการใช้สายชาร์จนั้นก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สายหักใน ฉนวนหุ้มฉีกขาด สายระโยงระยางเกะกะ หรือต้องมีสายชาร์จมากกว่า 1 อัน เพราะสายชาร์จบางรุ่นไม่เหมือนกันทำให้ยุ่งยาก ดังนั้นเพื่อลดความยุ่งยากเหล่านี้ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาให้ใช้ที่ชาร์จแบตไร้สายได้และถ้าโทรศัพท์ต่างรุ่นกันแต่รองรับการชาร์จแบบไร้สายได้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อสายเพิ่มสามารถชาร์จร่วมกันได้เลย โดยการทำงานของที่ชาร์จแบตไร้สายนั้นจะมีดังนี้

ที่ชาร์จแบตไร้สายมีหลักการทำงานดังนี้

การชาร์จแบบไร้สาย หลักการคือ มีการใช้แถบอิเล็กทรอนิกส์ในการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้า ระหว่างแท่นชาร์จ และมือถือที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ถามว่าสายชาร์จล่ะ สายก็เอาไปเสียบกับแท่นชาร์จ ไฟเข้าแท่นชาร์จ แต่เราไม่ต้องเอาสายไฟเสียบตูดมือถือบนแท่นชาร์จจะมีแผ่นคอยล์ เมื่อแถบบนมือถือ (หลังเครื่อง) สัมผัสกับแท่นชาร์จ ที่เสียบไฟอยู่ ก็จะมีการเหนียวนำกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จมือถือได้ แต่นั่นก็หมายความว่า แท่นชาร์จต้องวางอย่างมั่นคง และวางมือถือให้ตัวส่งและตัวรับตรงกับแผ่นวงจรชาร์จไร้สายด้วยการชาร์จไฟแบบไร้สาย ไม่ได้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่รองรับทุกอุปกรณ์ที่ชาร์จแบบไร้สายได้

คราวนี้ทุกคนก็พอจะรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าที่ชาร์จแบตไร้สายมีดียังไง ทำไมถึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ  แต่ในการเลือกซื้อเลือกใช้นั้นคุณสามารถเลือกแบรนด์อะไรก็ได้ แล้วแต่ความชอบของคุณ ขอให้เลือกราคาที่สมเหตุสมผล แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และของแท้มีคุณภาพมีใบรับประกันก็เพียงพอแล้วค่ะ

#ที่ชาร์จแบตไร้สาย 

การเลือกซื้อแท็บเล็ตเพื่อเอามาใช้งานให้คุ้มค่าที่สุด

 

แท็บเล็ตนับว่าเป็นอุปกรณ์ผสมผสานระหว่างสมาร์ทโฟนและโน๊ตบุ๊ค มีประสิทธิภาพการทำงานและราคา ถือว่าใกล้เคียงกับ โน๊ตบุ๊ค และสมาร์ทโฟน โดยบางรุ่นสามารถโทรศัพท์ได้ ด้วยการใส่ SIM cardจะเหมือนสมาร์ทโฟนในเรื่องของระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่และสามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนโน้ตบุ๊ค ดังนั้น แท็บเล็ตจึงเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนทุกกลุ่มได้ไม่ยากเลย เช่น ผู้สูงอายุที่ต้องการหน้าจอใหญ่ ๆ ไว้อ่านหนังสือ หรือพนักงานออฟฟิศที่ต้องการแท็บเล็ตหน้าจอกว้าง ๆ ไว้นำเสนองานลูกค้านอกสถานที่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักที่ทั้งเบาและขนาดที่บางกะรัดทัด จึงตอบโจทย์ในการใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่ในปัจจุบันมีแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ ออกมาหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของ รูปร่าง ขนาด ระบบปฏิบัติการ รวมถึงราคาที่แตกต่างกัน จนคุณไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นดูจากตรงไหนก่อนดีถึงจะได้แท็บเล็ตที่ดีมีคุณภาพสูงในการนำมาใช้งาน เพราะแบบนี้เราจึงอยากแนะนำถึงวิธีในการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่ดีให้กับคุณเอง ว่าแต่จะต้องดูในส่วนไหนบ้างนั้นตามมาดูกันได้เลยค่ะ

วิธีในการเลือกซื้อแท็บเล็ตให้ตอบโจทย์ในการใช้งานของคุณ

1. คุณต้องการใช้แท็บเล็ตทำอะไร

ก่อนอื่นคุณต้องทราบจุดประสงค์ของตัวเองก่อนว่าคุณต้องการใช้งานแท็บเล็ตในด้านไหน อาทิเช่น ต้องการใช้สำหรับเล่นอินเตอร์เน็ตเพื่อดูซีรีส์ ภาพยนต์ หรืออาจจะบ้างช่วงเวลาที่เล่นเกมบางเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่า iPad Pro จะเป็นตัวเลือกไม่เหมาะสำหรับคุณเท่าไหร่ แม้ว่ามันจะมีฟังก์ชันการทำงานที่ยอดเยี่ยมก็ตาม เพราะคุณแค่ใช้เล่นอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นซื้อจงแท็บเล็ตที่เหมาะสมตามจุดประสงค์การเล่นของคุณ เพื่อคามคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

2. ระบบปฏิบัติการของแท็บเล็ต

ระบบปฏิบัติการของแท็บเล็ตไม่ว่าจะเป็น iOS Android หรือ Windows นั้นล้วนแล้วแต่เป็นระบบปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความถนัด และความชอบส่วนบุคคลมากกว่า หรือหากคุณมีอุปกรณ์อย่างอื่นที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple แน่นอนว่าการเลือกซื้อระบบปฏิบัติการ iOS นั้นจะเอื้ออำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ให้คุณมากกว่า แต่หากคุณไม่ได้ยึดติดกับการใช้ผลิตภัณฑ์ในเครือเดียวกัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำคัญว่าคุณจะใช้อะไร เพราะที่จริงแล้วปัญหาการอ่านหรือจัดเก็บไฟล์ต่าง ๆ นั้นเราสามารถทำได้บนพื้นที่บริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ อาทิเช่น Dropbox, Google Drive หรือ OneDrive เป็นต้น

3. พื้นที่เก็บข้อมูล

หากเป็นเมื่อก่อนพื้นที่เก็บข้อมูลถือนั้นถือเป็นตัวเลือกที่เราไม่ควรมองข้าม หากเรามีความจำเป็นในการใช้พื้นที่เยอะ ๆ แต่เนื่องจากสมัยนี้มีบริการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้แล้ว ซึ่งหมายความว่าเราสามารถใช้พื้นที่เท่าไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการ และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายไม่ว่าคุณจะล็อกอินด้วยอุปกรณ์เครื่องใดก็ตาม ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะสูญหายอีกด้วย

4. ใช้งานในการวาดหรือเน้นงานออกแบบหรือไม่

หากคุณต้องการใช้งานในด้านนี้เราขอแนะนำว่า ระบบปฏิบัติของ iOS และ Android ดูเหมือนจะทำออกมาได้ดีกว่าระบบปฏิบัติของ Windows

            แหละไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อแท็บเล็ตแบบไหนก็ตาม แต่เชื่อเลยว่าหากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลไว้บ้าง ก็มีโอกาสที่คุณจะเลือกพลาดได้ เพราะแท็บเล็ตที่มีวางขายอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีมากมายหลายรุ่น แถมบางรุ่นบางยี่ห้อก็ไม่มีศูนย์บริการ อาจจะกลายเป็นสูญเงินฟรีไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อนะคะ

#ซื้อแท็บเล็ต  

เลือกประเภทเครื่องดูดฝุ่นเอามาใช้งานยังไงให้ตอบโจทย์กับการทำความสะอาดบ้าน

 

ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตของเราให้ง่ายขึ้นจากเดิมเยอะมาก หนึ่งในนั้นคือเครื่องดูดฝุ่น ที่ช่วยให้การทำความสะอาดบ้านกลายเป็นเรื่องง่าย และสะอาดมากขึ้น แน่นอนว่าการทำความสะอาดบ้าน ยิ่งทำบ่อย ๆ ก็ยิ่งดี เพราะถ้าบ้านสะอาดก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี แถมยังช่วยทำให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งถ้าแม่บ้านคนไหนที่ยังไม่มีเครื่องดูดฝุ่นและกำลังคิดที่จะซื้อเครื่องดูดฝุ่นเอามาใช้งานแต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเลือกแบบไหนดี ก็ตามเรามาทางนี้ได้เลยเพราะเราจะพาไปรู้จักกับเครื่องดูดฝุ่นแต่ละประเภทให้เองว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่คุณเหล่าแม่บ้านจะได้เลือกซื้อเอามาใช้งานได้อย่างถูกต้อง

ประเภทของเครื่องดูดฝุ่น

1. เครื่องดูดฝุ่นแบบกล่อง

เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เราคุ้นเคยกันดี มีถังเก็บฝุ่นและมีท่อดูดทำหรับทำความสะอาดที่ยืดหยุ่นได้ มีแรงดูดสูง จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้าง หรือปูพื้นด้วยพรม เพราะสามารถกำจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตามพื้น ใต้พรม หรือบนพรมได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถทำความสะอาดขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย แต่ข้อเสียของเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้คือ มีน้ำหนักค่อนข้างมาก เคลื่อนย้ายลำบาก ใช้เวลาในการต่อประกอบชิ้นส่วนก่อนการทำความสะอาดและถอดแยกเพื่อจัดเก็บหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

2. เครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือ

ก็เป็นเครื่องดูดฝุ่นอีกชนิดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สามารถทำความสะอาดบ้านได้แบบทุกซอกทุกมุม รวมไปถึงทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ โซฟา ชั้นวางของ หลังตู้ หรือตามซอกมุมที่เครื่องดูดฝุ่นประเภทอื่นเข้าไม่ถึง นอกจากนี้เครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือนี้ยังสามารถนำไปใช้ทำความสะอาดภายในรถยนต์ได้อีกด้วย ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดเหมาะมือ จึงสามารถหยิบเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำงานได้ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ จึงสามารถชาร์จแบตฯ และนำมาใช้งานต่อได้เลยทันที

3. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย เครื่องดูดฝุ่นด้ามจับ

นับว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่กำลังมาแรง เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ สามารถชาร์จไฟใหม่ได้อย่างสะดวก สามารถทำความสะอาดได้ทุกพื้นที่ในบ้านหรือที่อยู่อาศัย ไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กไฟฟ้า เหมาะสำหรับทำความสะอาดบ้านที่มีขนาดเล็ก คอนโด ห้องพัก หรือพื้นที่ที่ต้องการความรวดเร็วในการทำความสะอาด

เครื่องดูดฝุ่นทุกยี่ห้อหรือทุกประเภทมีหน้าที่เดียวกัน คือดูดสิ่งสกปรกจากส่วนต่าง ๆ ออกมาแต่ถ้าเจาะลึกลงไปมากกว่านั้น เครื่องดูดฝุ่นด้ามจับบางยี่ห้ออาจมีฟังก์ชันที่สามารถทำความสะอาดได้ดีกว่าแบรนด์อื่น ๆ เช่นบางรุ่นอาจใช้ดูดพรหมที่หนาได้ หรือบางยี่ห้อก็สามารถทำความสะอาดได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ในบ้านและเบาะรถได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรดูคุณสมบัติของตัวเครื่องให้ถี่ถ้วนก่อนด้วยนะคะ

#เครื่องดูดฝุ่น

ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อ wireless charger ให้ได้คุณภาพดีในการนำมาใช้งาน

 

ต้องยอมรับเลยว่าในทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการใช้ในชีวิตประจำวันกันไปแล้วก็ว่าได้ และยิ่งนานวันโทรศัพท์มือถือก็ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างแต่ก่อนการชาร์จแบตมือถือจะมีแค่การเสียบสายชาร์จอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้กลับมีมือถือหลายรุ่นที่ออกแบบมาใหม่ให้สามารถรองรับการใช้งานแบบชาร์จไร้สาย หรือ wireless charger ได้ด้วย และการใช้งานแบบชาร์จไร้สายนี้ต่างก็ได้รับความนิยมเยอะมาก เพราะว่าใช้งานง่าย สะดวก ไม่ต้องเก็บสายหรือม้วนสายให้ยุ่งยาก และไม่ต้องเสียบเข้า เสียบออกตูดชาร์จโทรศัพท์บ่อย ๆ  เพียงแค่เสียบที่ชาร์จไร้สายไว้แล้วเอาโทรศัพท์มาวางตรงแท่นชาร์จไร้สายก็เป็นอันชาร์จเรียบร้อยแล้ว เวลาหยิบใช้งานก็ไม่ต้องดึงสายออกสามารถหยิบไปใช้งานได้เลย และที่สำคัญ wireless charger ราคาก็ไม่ได้ต่างจากที่ชาร์จแบตแบบธรรมดามากนัก ผู้คนจึงนิยมใช้กันเยอะ ซึ่งถ้าใครที่ยังไม่มีและกำลังคิดที่จะซื้อเพื่อเอามาใช้งานเราก็มีข้อแนะนำดี ๆ ก่อนซื้อเอามาฝากด้วย มาดูกันเลย

ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อ wireless charger ราคาสมเหตุสมผล

1.ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์: เรื่องแรกที่ต้องพิจารณาก็คืออุปกรณ์ที่เราใช้เช่นสมาร์ทโฟนนั้นรองรับการชาร์จแบบไร้สายหรือไม่ จากนั้นค่อยมาดูที่แท่นชาร์จไร้สายว่าสามารถทำงานร่วมกันได้หรือป่าว เพราะถ้าซื้อมาผิดอาจเสียทั้งเงินและเสียทั้งความรู้สึกด้วย แต่โดยปกติมักจะมีเขียนบอกเอาไว้ที่กล่องบรรจุภัณฑ์อยู่แล้ว หากไม่แน่ใจให้ถามจากร้านค้าหรือพนักงานจะเป็นการดีที่สุด

2.กำลังไฟและระบบการจ่ายไฟ: เรื่องต่อมาก็คือแท่นชาร์จไร้สายที่เราจะซื้อนั้นมีกำลังไฟเท่าไหร่ เพียงพอและเหมาะสมกับที่ใช้ได้ในอุปกรณ์ของเราหรือป่าว และมีระบบป้องกันอุณหภูมิที่สูงเกินไปหรือไม่ เพื่อป้องการความเสียหายต่อตัวเครื่องและอันตรายจากไฟลัดวงจร ซึ่งปกติทั้งตัวสมาร์ทโฟนและแท่นชาร์จก็จะมีระบบตรวจจับมาให้ในตัว แต่ก็ควรตรวจสอบเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

3.ความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต: เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ผลิตมากมายจึงควรเลือกยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักละมีมาตรฐานรองรับ เช่น MFi หรือการรับรองว่าสามารถใช้กับ iPhone หรือผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้ หรือผ่านการรับรองจากหน่วยงานตรวจสอบอย่าง FCC เป็นต้น

4.ราคา: เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องก็คือราคาของ แท่นชาร์จไร้สาย ซึ่งมักกำหนดจากคุณสมบัติในการชาร์จหรือฟังก์ชันการทำงานพิเศษอื่นๆ เช่นระบบการควบคุมกระแสไฟ กำลังไฟที่สามารถจ่ายได้ จำนวนของคอยส์ เป็นต้น ทั้งนี้การซื้อของที่ถูกเกินไปก็อาจมีความเสี่ยงและไม่คุ้มหากเกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ของเรา

5.การรับประกันสินค้า: ข้อสุดท้ายแต่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นก็คือเรื่องของการรับประกันสินค้าว่ามีเงื่อนไขในการรับประกันในกรณีไหนบ้าง และมีระยะเวลาในการรับประกันยาวนานเพียงใด เนื่องจาก แท่นชาร์จไร้สาย เป็นอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค กรณีมีปัญหาการรับประกันที่ยาวนานจะช่วยให้เราอุ่นใจมากขึ้นในการใช้งาน

ในการเลือกซื้อ wireless charger ราคาสมเหตุสมผลกับคุณภาพที่ได้รับ ส่วนคุณจะเลือกแบรนด์ไหนก็แล้วแต่ความชอบของคุณ แต่เราขอแนะนำให้เลือกราคาที่สมเหตุสมผล แบรนด์น่าเชื่อถือ และของแท้มีคุณภาพมีการรับประกันสินค้าด้วยยิ่งรับประกันนาน ๆ ยิ่งดี เพราะหากมีปัญหาเราจะได้ส่งเครมได้นั่นเองค่ะ

#wireless charger ราคา