แท็บเล็ต ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับหลาย
ๆ คนได้เยอะมาก ไม่ว่าจะใช้ทำงาน
ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือแม้แต่ใช้ในการเรียนการสอนก็ได้ทั้งหมด
และด้วยความที่มีประโยชน์มากมายขนาดนี้จึงไม่แปลกเลยที่แท็บเล็ตจะกลายเป็นที่นิยมได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งคนนิยมมากขึ้นเท่าไรก็จะมีหลายบริษัทเข้ามาทำธุรกิจนี้กันมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจะเห็นได้จากในปัจจุบันที่มีแท็บเล็ต วางจำหน่ายมากมายหลายแบรนด์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกและทำการเปรียบเทียบ
แท็บเล็ต ได้มากขึ้น และสามารถหาแท็บเล็ตที่ถูกใจที่สุดให้กับตนเองได้
โดยสิ่งที่ควรนำมาเปรียบเทียบ แท็บเล็ต แต่ละรุ่นนั้นควรดูจากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
สิ่งสำคัญที่ควรนำมาเปรียบเทียบ แท็บเล็ตของแต่ละรุ่นก่อนตัดสินใจซื้อ
1. iOS, Android or Windows?: ไอโอเอส, แอนดรอย
หรือ วินโดวส์ดี?
สิ่งแรกที่เราต้องรู้จักและทำความเข้าใจก็คือระบบปฏิบัติการ
แล้วระบบปฏิบัติการคืออะไร ? อธิบายแบบง่าย ๆ คือ
“โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ (ตัวเครื่อง) และซอฟท์แวร์(แอพลิเคชั่น)”
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็พวก Windows ซึ่ง
Windows Vista, 7, 8
ต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการเช่นกัน
และแท็บเล็ตก็จำเป็นที่ต้องมีระบบปฏิบัติการไว้สำหรับใช้งาน ซึ่ง ณ
ตอนนี้ก็จะมีระบบปฏิบัติการหลัก ๆ อยู่ 4 ตัวในตลาด
2. CPU & GPU: เร็วขนาดไหนถึงจะพอ?
โดยการทำงานในทั้งสองส่วนจะมีหน่วยความเร็วเป็น
GHz ซึ่งยิ่งมีมากก็แปลว่าเร็วมาก ในส่วนของ CPU นอกจากจะดูเรื่อง
GHz แล้วยังมีในส่วนของ
แกนสมองที่ใช้ทำงานหรือที่เรียกกันว่า CORE ต่ำสุดจะอยู่ที่
1 core/single core ตัวอย่างเช่น 4 core/quad-core จะทำงานได้เร็วกว่า
2 core/dual-core ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานด้วยว่าใช้งานแบบไหน
สเปคพื้นฐานสามารถดูได้ที่ข้างกล่องสินค้าและใบแนะนำสินค้าได้เลย
3. Wireless Connection: ส่งเพลง ส่งรูปแบบไร้สาย จำเป็นไหม
ส่วนใหญ่แท็บเล็ตจะมีฟังก์ชันการเชื่อมต่อ wi-fi และบลูทูธเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
(ในส่วนของแท็บเล็ตที่สามารถโทรออกได้ จะมีในส่วนของการใช้ 3G เพิ่มเข้ามา)
แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูลแบบใหม่เพิ่มเข้ามาคือ NFC หรือ
การรับส่งข้อมูลระยะใกล้ซึ่งทำได้รวดเร็วกว่าบลูทูธ
แต่รัศมีการรับ-ส่งข้อมูลจะแคบกว่า NFC มีอยู่ในแท็บเล็ตเช่น
Samsung Galaxy note 8 เป็นต้น ดังนั้นการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่มีการเชื่อมต่อไร้สายที่หลากหลาย
ก็จะช่วยให้สะดวกในการรับ-ส่งข้อมูล ไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมมาช่วย NFC สามารถค้นได้จากเมนู
settings>connection (แต่ละยี่ห้อจะมีตำแหน่งการวาง NFC ไม่เหมือนกัน
โปรดสอบถามจนท.)
4. Connection port: ช่องเสียบรอบตัว
ช่องไหนคืออะไร?
แท็บเล็ตส่วนใหญ่จะมีช่องสำหรับเชื่อมต่อผ่าน USB อยู่แล้วเป็นหลัก
เพื่อไว้ใช้โอนถ่ายข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์
หรือแม้กระทั่งใช้คู่กับกล้องดิจิตอลหรือมือถือ โดยไม่ต้องเสียเวลา sync ข้อมูลให้ยุ่งยาก
ซึ่งทำให้ข้อมูลสูญหายได้ง่าย สำหรับ iPad ไม่มีช่องเสียบใด
ๆ นอกจาก USB ติดมากับตัวเครื่องต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมถึงจะสามารถใช้งานได้
แต่สำหรับแท็บเล็ต Android และ Windows ส่วนมากจะมีช่องเสียบเพิ่มเติมติดมากับตัวเครื่อง
โดยไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริม ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวได้
5. Phone capabilities: โทรออกได้
แต่ไม่ใช่ทุกเครื่อง
แท็บเล็ตบางรุ่นสามารถใช้โทรออกได้เหมือนโทรศัพท์ทั่วไป
จะช่วยเสริมให้คุณทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องพกอุปกรณ์สื่อสารหลายๆเครื่อง
แต่ทั้งนี้ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ไม่ชอบพกเครื่องมือสื่อสารเครื่องใหญ่ ๆ
แต่ก็ถือเป็นฟังก์ชั่นตัวเลือกที่น่าสนใจ ถ้าต้องการแท็บเล็ตที่ทำได้ทุกอย่าง
เครื่องเดียวครบ
6. Screen size and Resolution: ใหญ่หรือเล็ก? ชัดเท่าไหร่ดี?
ขนาดหน้าจอของแท็บเล็ตก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการเลือกซื้อ
ขึ้นอยู่กับการใช้งานหรือความชอบของแต่ละคน
ทั้งนี้การใช้งานหากเลือกขนาดที่เหมาะสมก็จะมีผลในการช่วยถนอมสายตา
7. After sale service/Warranty: พังขึ้นมา
ทำไงต่อดี?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะหากเกิดเราซื้อมาแล้วเครื่องมีปัญหา แม้จะเครื่องจะสเปคดีแค่ไหน
ของแถมเยอะยังไง แต่สุดท้ายถ้าไม่มีบริการหลังการขายหรือใบประกันสินค้า
พอถึงเวลาที่เครื่องมีปัญหา ก็ไม่สามารถนำไปใช้อะไรได้ เท่ากับซื้อเครื่องเปล่า ๆ มาไว้ประดับบ้านเท่านั้นเอง
จึงควรเช็คให้แน่ใจว่าเครื่องที่เราซื้อมามีประกันกี่ปี
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าอย่างไรและมีศูนย์ซ่อมที่ไหนบ้าง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับสิ่งสำคัญที่ควรนำมาเปรียบเทียบ
แท็บเล็ตก่อนซื้อที่เรานำมาฝากเชื่อเลยว่าหากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลไว้จะต้องตัดสินใจได้ยาก
หรือไม่รู้ว่าควรที่จะต้องเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดี
ที่จะมาตอบโจทย์ในการใช้งานของคุณ เพราะแท็บเล็ตที่มีวางขายอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีมากมายหลายรุ่นจริง
ๆ แถมบางรุ่นบางยี่ห้อก็ไม่มีศูนย์บริการ อาจจะกลายเป็นสูญเงินฟรีไปเลยก็เป็นได้
ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนทำการเลือกซื้อด้วยนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น