วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เลือกนาฬิกาวัดแคลอรี่ยังไงให้คุ้มค่าต่อการใช้งานที่สุด

 


          ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายก็อยากมีตัวช่วยให้ออกกำลังกายง่ายและสนุกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาวัดแคลอรี่ และนาฬิกาไฮเทคอื่น ๆ อีกเพียบ ซึ่งนาฬิกาวัดแคลอรี่ ในแต่ละรุ่น แต่ละแบบนั้นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป หากคุณสนใจหรือกำลังมองหานาฬิกาวัดแคลอรี่ดี ๆ สักเรือนเพื่อเอามาใช้งานให้เหมาะสมตรงกับเป้าหมายในการใช้ชีวิตประจำวันของคุณอยู่ล่ะก็ ตามมาทางนี้ได้เลย เดี๋ยวเราจะแนะนำให้เองว่าควรเลือกยังไงบ้าง

        นาฬิกาวัดแคลอรี่ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้

1.การนับก้าว คำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ในแต่ละวัน

2.ตรวจจับการเคลื่อนไหวของเราได้ 24 ชม.

3.ตรวจจับการหลับนอนของเรา หรือการงีบระยะสั้น ๆ ได้ด้วยประสิทธิภาพและคุณภาพการนอนหลับ

4. แจ้งเตือนได้หากเราหยุดเคลื่อนไหว หรืออยู่นิ่ง ๆ เกินไป

5.ตั้งเป้าหมาย การหลับ และ การเคลื่อนไหวในแต่ละวันได้ว่าอยากจะได้ซักเท่าไหร่

6. ง่ายต่อการสวมใส่ สามารถปรับระดับสายข้อมือได้

         เพียงแค่นี้คุณก็ช่วยให้คุณสามารถเลือกนาฬิกาวัดแคลอรี่ที่ดีให้กับตนเองเพื่อเอามาใช้งานได้แล้ว การมีนาฬิกาวัดแคลอรี่ นอกจากจะช่วยควบคุมการดูแลหุ่นแล้ว ยังสามารถใช้งานร่วมกับมือถือคู่ใจได้อีกด้วยค่ะ

#นาฬิกาวัดแคลอรี่

 


วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ประโยชน์ที่จะได้รับจากมือถือ 5g ที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง

 


                         ต้องบอกเลยว่าทุกวันนี้มือถือเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว เพราะในทุก ๆ วัน เราต่างใช้งานมือถือทำในสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือแม้แต่การถ่ายรูป การทำงาน ต่างก็ล้วนต้องพึ่งพามือถือทั้งสิ้น ด้วยสาเหตุเหล่านี้จึงทำให้มือถือถูกพัฒนามากขึ้นแทบจะทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการออกแบบ การใช้งาน ลูกเล่น รวมไปจนถึงการรับสัญญาณ ที่เดี๋ยวนี้เราเดินมาถึงยุคการติดต่อสื่อสารในเจนเนอเรชั่นที่ 5 แล้ว หรือจะเรียกสั้น ๆ ว่า 5g ก็ได้ ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกในหลาย ๆ ด้าน ที่ต้องการให้มีความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูล เช่น  การศึกษา, การขนส่ง, การแพทย์ เป็นต้น แต่ในการจะใช้เทคโนโลยี 5g ได้นั้นคุณต้องมีอุปกรณ์ที่สามารถรองรับ 5g ได้ อย่างเช่น มือถือ 5g เป็นต้น ที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการสื่อสารเลยก็ว่าได้ เพราะมีประโยชน์มากมายหลายด้านจริง ๆ ว่าแต่จะมีประโยชน์ในด้านไหนบ้างนั้นเรามาดูกันเลยค่ะ

                       ประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้มือถือ 5g

1.ตอบสนองไว สามารถสั่งงาน และควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว หรือเรียกว่าแทบจะทันที เนื่องจากมีความหน่วงที่ต่ำ ตอบสนองได้ไวถึง 1 ส่วนพันวินาที

2.รองรับการ รับ-ส่ง ข้อมูลได้มากกว่า ถ้าเป็น 4g จะสามารถ รับ-ส่ง ข้อมูลได้ราว 7.2 Exabytes ต่อเดือน แต่สำหรับ 5gจะเพิ่มขึ้นราว 7 เท่า หรือ 50 Exabytes ต่อเดือน

3.เร็วแรงกว่าเดิม 5g มีความเร็วมากกว่า 4g ถึง 20 เท่า ซึ่งเร็วมากพอที่จะดูวิดีโอ 8K ออนไลน์แบบ 3 มิติ หรือดาวน์โหลดภาพยนตร์ 3 มิติ ได้ในภาย 6 วินาที

4.ความถี่ให้เลือกใช้มากกว่า 5g จะสามารถใช้งานคลื่นความถี่ได้จนถึง 30GHz ซึ่งเป็นความถี่ย่านใหม่ที่ไม่เคยมีการใช้งานมาก่อน

5.รองรับการใช้งานที่มากกว่า รองรับจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 10 เท่า จากที่สามารถรับคนได้ราว 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. กลายเป็น 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.

                       นอกจากเทคโนโลยีด้านการสื่อสารแล้ว เทคโนโลยี 5g ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมาก ๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต อาทิเช่น รถยนต์ไร้คนขับ การผ่าตัดได้จากระยะไกล หุ่นยนต์ในโรงงาน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานซึ่งถือว่ามีความเร็วมากกว่าเทคโนโลยี 4g เกิน 10 เท่า รวมถึงช่วยให้เกิดการใช้งาน AR และ VR ในกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การสำรวจภาคสนาม การสาธารณสุขทางไกล ความบันเทิง และท่อส่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการเข้าถึงการใช้งาน Cloud Computing ซึ่ง 5g ช่วยพัฒนาศักยภาพของระบบค้าปลีก การซื้อของออนไลน์ รวมถึงการใช้งานต่าง ๆ ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่เราจะใช้เทคโนโลยีของ 5g ได้ เราต้องมีมือถือที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 5g ได้ ซึ่งตอนนี้ในประเทศไทยที่มีมือถือที่รองรับ 5g หรือเป็นมือถือ 5g  อย่างเป็นทางการ ก็คือ Galaxy S20 Ultra 5G ของ Samsung หากใครที่สนใจก็ลองหาซื้อมาใช้กันดูได้นะคะ รับรองว่าฟินแน่นอนค่ะ

#มือถือ 5g


วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563

รวมทริคการเลือกจอ gaming monitor ฉบับสมบูรณ์ที่จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง

 

  ทุกวันนี้เกมออนไลน์พัฒนาไปเยอะมาก โดยเฉพาะพวกเกมต่อสู้หรือผจญภัยที่จำลองสถานการณ์ในการนำผู้เล่นไปยังสถานที่ต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังเก็บรายละเอียดที่สำคัญ ๆ ในสถานที่นั้น ๆ ไว้ได้อย่างครบถ้วนทำให้เพลิดเพลินและดูสมจริงเวลาที่ได้เล่นเกม ยิ่งถ้าน่าจอชัดมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนก็จะยิ่งเพิ่มความสนุกในการเล่นเกมได้มากขึ้นไปอีก เพราะแบบนี้จึงทำให้หลาย ๆ คนหันมาสนใจและใส่ใจในการเลือกจอ gaming monitor กันมากขึ้น โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายที่ต้องการหน้าจอที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทั้ง ภาพ แสง สี ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เหล่าเกมเมอร์หลาย ๆ คน ยอมที่จะเสียเงินจำนวนมาก เพื่อที่จะให้ได้จอ gaming monitor ที่ดีที่สุดในการนำมาใช้งาน ซึ่งถ้าใครที่ยังไม่รู้ว่าการจะเลือกหน้าจอเล่นเกมให้ได้ดีนั้นต้องดูจากอะไรบ้าง ก็ตามเรามาทางนี้ได้เลยเดี๋ยวเราจะบอกให้เอง

รวมทริคการเลือกจอ gaming monitor ฉบับสมบูรณ์ที่จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง

1.ขนาดของจอภาพ

จอภาพที่มีขนาดใหญ่ย่อมใช้งานได้ดีกว่า แต่สำหรับเหล่าเกมเมอร์มืออาชีพแล้ว จะนิยมใช้ขนาดหน้าจอระหว่าง 21 - 24 นิ้วเท่านั้น สำหรับการเล่นเกมและให้ความสำคัญกับเฟรมเรท แต่ถ้าจอคอมเกมมิ่งมีขนาดที่ใหญ่และเฟรมเรทสูง อาจจะทำให้ผู้เล่นไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมประเภท รถแข่งหรือ MMORPG จอขนาดใหญ่จะทำให้ผู้เล่นสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับ CG ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า

2.เลือกความละเอียดที่ดีที่สุด คือ Full HD หรือสูงกว่านั้น

ความละเอียดควรอยู่ที่ Full HD ซึ่ง Full HD คือ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ถือเป็นความละเอียดมาตรฐานในการใช้งานไป แต่ก็ยังมีจอที่มีลักษณะเป็นแนวนอนหรือยาวออกไปด้านข้าง จอคอมเกมมิ่งประเภทนี้มักจะมีความละเอียดอยู่ที่ 2K หรือ 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งสูงกว่า Full HD นอกจากนี้ ยังมีจอคอมเกมมิ่งคุณภาพสูงอีกประเภท คือ ความละเอียดระดับ 4K หรือ 3840 x 2160 พิกเซล

3.อัตราการรีเฟรชเรทขึ้นอยู่กับเนื้อหาของเกม

อัตราการรีเฟรชเรท (Refresh Rate) ยังคงเป็นจุดสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจ แม้ว่าคุณจะเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีอัตราการรีเฟรชที่สูง แต่นั่นก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะบางเกมมีการแสดงผลได้สูงสุดแค่ 60 เฟรมเรท ถ้าคุณเลือกใช้จอ 144Hz อาจจะเกิดภาพฉีกขาดหรือเป็นเส้นในระหว่างการแสดงผลได้ เพราะตัวเกมจะไม่รองรับอัตรารีเฟรชเรทของหน้าจอนั้น จึงขอแนะนำว่าควรเลือกให้เหมาะสมกับเกมที่คุณเล่นด้วย

4.ความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลควรเลือก 1ms

จอคอมเกมมิ่งส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพที่สูงอยู่แล้ว ซึ่งความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1ms เพื่อให้เร็วพอต่อการร้องขอการแสดงภาพของเกม หากคุณเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีการตอบสนองช้า อาจจะทำให้เกิดภาพกระตุกหรือภาพค้างได้ อย่างไรก็ตาม ยิ่งตัวเลขของอัตราการตอบสนองน้อย ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพที่สูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ราคาก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

5.เลือกรุ่นที่มีโหมดสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ

ถ้าคุณเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีโหมดการใช้งานเฉพาะ เช่น เกม Visual ก็จะเป็นตัวช่วยในการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการเล่น ทำให้การเล่นเกมของคุณนั้นง่ายขึ้นและมีความสมจริงมากยิ่งขึ้นด้วย โดยโหมดหลัก ๆ ทั่วไปที่มีอยู่ก็คือ โหมด FPS หรือเกมแนวแอ็กชั่น, โหมดต่อสู้  หรือโหมดเกมกีฬา เป็นต้น นอกจากนี้ จอคอมเกมมิ่งบางรุ่นจะมีโหมดที่เรียกว่า NVIDIA 3D Vision เพื่อช่วยเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกมประเภทกราฟิก หรือ 3D ราคาก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่รับรองได้ว่าคุณได้สัมผัสกับโลกแห่งเกมอย่างสมจริงอย่างแน่นอน

6.ตรวจสอบประเภทและจำนวนของพอร์ตการเชื่อมต่อ

นอกเหนือจากพอร์ตสำคัญอย่าง HDMI และ DVI แล้ว ยังมีพอร์ตอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นในการใช้งานอีกมากมาย อย่างเช่น Display Port, USB เป็นต้น บางจอที่มีจำนวนพอร์ตเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย แต่อาจจะไม่จำเป็นในการใช้งานสำหรับคุณก็ได้ เพราะฉะนั้น ขอแนะนำให้ดูตามความต้องการของคุณว่า พอร์ตอะไรที่จำเป็นต่อการใช้งานของคุณบ้าง

                หากคุณไม่อยากพลาดความสนุกในการเล่นเกม คุณควรเลือกซื้อหน้าจอ gaming monitor ตามด้านบนนี้เป็นหลัก รับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบเต็มที่แน่นอน

#gaming monitor

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563

แนวทางง่าย ๆ ในการเลือกนาฬิกา สำหรับวิ่งให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้งานของคุณ

 


จะเห็นได้ว่าในทุกวันนี้มีนาฬิกาออกกำลังกายออกมาวางจำหน่ายเยอะมาก หลายรุ่นหลายแบรนด์โดยแต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์ฉพาะที่แตกต่างกันออกไป และหากใครที่กำลังมองหานาฬิกา สำหรับวิ่งเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมสำหรับการวิ่งวัดประสิทธิภาพการวิ่ง หรือ แม้แต่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการวิ่ง อยู่ละก็เราก็มีข้อมูลดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกนาฬิกา สำหรับวิ่ง ให้ง่ายขึ้นเอามาฝากค่ะ ว่าแล้วก็มาดูกันเลย

แนวทางง่าย ๆ ในการเลือกนาฬิกาสำหรับวิ่งให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้งานของคุณ

•ชนิดกีฬา เล่นกีฬาอะไรบ้าง ( Click ) Fitness , วิ่ง Road , วิ่งเทรล, ไตรกีฬา , ว่ายน้ำ  

แน่นอนถ้าคุณออกกำลัง Indoor อย่างเดียว เช่น Fitness คุณก็ไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาที่มี GPS ในตัว งบประมาณจะลดไปเยอะมาก ขอแค่วัด HR อัตราการเต้นหัวใจได้ ดู Zone การออกกำลังของคุณ บอกแคลอรี่ นับก้าว ที่ใช้ก็คงเพียงพอ หรือถ้าต้องการวัดระยะทางในลู่วิ่ง ก็สามารถเพิ่มตัวเลือกที่มีระบบนับก้าวในตัวเพิ่มขึ้นมา

•สายวิ่ง Road ใช้นาฬิการุ่นไหนดี นักวิ่ง Outdoor แน่นอนว่านาฬิกาต้องรองรับ GPS เพื่อรู้ข้อมูล ความเร็ว ระยะทางที่วิ่ง โดยแต่ละ Brand ทำ GPS ออกมาได้แม่นยำไม่ต่างกัน แต่ความต่างกันอยู่ที่ ความเร็วในการ Detect GPS ครั้งแรก รุ่นที่ราคาต่ำหมื่น บางครั้งจะ Detect GPS ช้า 2-3 นาที

Battery Time ไม่เป็นปัญหาสำหรับนาฬิกา รุ่นใหม่ ๆ ที่พัฒนาแบตให้คุณวิ่งได้ยาว จบมาราธอนแน่ ๆ ยกเว้นการเปิด Mode Music ที่กินแบตค่อนข้างมาก ต้องดูเป็นรายรุ่นอีกครั้ง

ถึงตรงนี้ทุกท่านคงได้รู้จักนาฬิกา สำหรับวิ่งมากขึ้นและได้ทราบวิธีการเลือกซื้อเพื่อให้ได้สินค้าที่เหมาะสมและถูกใจกันไปแล้ว จะเห็นว่าเจ้านาฬิกานั้นมีประโยชน์หลายด้านจริง ๆ  อย่างเช่น เป็นเครื่องมือแจ้งผลการออกกำลังกายเพื่อให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการด้านสุขภาพ, เป็นเครื่องเตือนใจให้คุณปรับเปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเครื่องมือ Shortcut ของมือถือที่ให้ความบันเทิงและเป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้คุณไม่พลาดทุกการอัพเดท แต่ควรรู้จักใช้ให้ถูกเวลาและเหมาะสมกับสถานที่ ไม่ควรเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้จนลืมใส่ใจคนรอบข้างนะคะ

#นาฬิกา สำหรับวิ่ง 

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เลือกหูฟังไร้สายยังไงให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคุณได้ดีที่สุด

 


                        เดี๋ยวนี้หูฟังไร้สายได้กลายเป็นอุปการณ์เสริมที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว  เพราะนอกจากจะให้ความบันเทิงในการฟังเพลง ใช้เล่นเกมแล้วยังช่วยอำนวยความสะดวกในการสนทนาได้อีกด้วย หูฟังถูกออกแบบมาให้มีหลากหลายประเภท เช่น หูฟังแบบครอบหู,หูฟังแบบสอดหู หรือหูฟังแบบ Custom  ครั้งนี้เราจึงตั้งใจมานำเสนอหูฟังไร้สายหรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในแบบหูฟัง Bluetooth ซึ่งเจ้าหูฟังชนิดนี้จะครอบคลุมการใช้งานของหลายกลุ่มผู้ใช้ เช่นผู้ขับขี่ยานพาหนะ ผู้ที่ออกกำลังกายหรือ นักธุรกิจ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีข้อมูลของหูฟัง Bluetooth หลายแบบเอามาฝาก รวมถึงวิธีเลือกซื้อหูฟัง Bluetooth อย่างไรถึงจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ซึ่งเราก็มีคำแนะนำดี ๆ มาบอกอีกด้วย ว่าแล้วก็อย่ารอช้าตามเรามาทางนี้เลย

          วิธีเลือกหูฟังไร้สาย ก่อนอื่นจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้

1.เลือกหูฟังแบบโมโน

หูฟังประเภทนี้เหมาะกับนักธุรกิจ หรือคนที่ชอบใช้มือถือขณะขับรถ หรือคุยโทรศัพท์ติดต่อธุรกิจตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีหูฟังข้างเดียวและขนาดกะทัดรัดพกสะดวก ไม่เหมาะกับใช้ฟังเพลงเพราะได้ยินเสียงภายนอกแทรก

2.เลือกหูฟังแบบสปอร์ต

หูฟังประเภทนี้ออกแบบมาสำหรับคนที่รักในการออกกำลังกาย เพราะตัวหูฟังจะมีคุณสมบัติที่กันน้ำ กันเหงื่อได้ น้ำหนักเบา สวมใส่กระชับ

3.เลือกหูฟังแบบเฮดโฟน

ออกแบบมาเพื่อให้อรรถรสในการฟังเพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้เสียงที่คมชัดในทุกย่าน แต่ข้อเสียก็คือสวมใส่แล้วจะไม่ได้ยินเสียงรอบตัว

4.เลือกหูฟัง True Wireless

เป็นหูฟังที่ได้รับความนิยมที่สุด ผลิตออกมาใช้งานหลังสุด แต่ตอบโจทย์การใช้งานกับคนได้ทุกประเภท ดีไซน์ทันสมัย เล็กกะทัดรัดให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมทั้งเสียงสนทนาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง ฟังเพลงก็ให้เสียงที่เหมือนอยู่ข้างเวทีคอนเสิร์ต แต่ข้อเสียคือเรื่องของแบตเตอรี่ที่จำเป็นต้องชาร์จบ่อยกว่าหูฟังประเภทอื่นๆ

        การจะเลือกหูฟังไร้สายที่ดีทั้งทีเราก็ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการที่จะนำไปใช้งานของเรา เช่น หากคุณเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายและมักจะฟังเพลงในขณะทำกิจกรรมอยู่เสมอ แต่ต้องเจอกับปัญหาอย่างเช่น หูฟังไม่กันเหงื่อจนมักจะหลุดออกจากรูหู ดังนั้นก็ควรที่จะเลือกหูฟังแบบอินเอียร์หรือหูฟังแบบสปอร์ตก็อาจจะตอบโจทย์ของคุณได้มากกว่าหูฟังในแบบอื่น ๆ เป็นต้นค่ะ

#หูฟังไร้สาย

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ก่อนซื้อทีวีควรพิจารณาในการเรื่องอะไรบ้างที่นอกเหนือจากราคา ทีวี

 


                        เป็นเหมือนกันไหมค่ะ ว่าเวลาจะเลือกซื้อของอะไรนั้น เรามักจะมองเรื่องราคาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยทำการเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียของสินค้า อย่างเช่นถ้าอยากจะซื้อทีวี ก็จะต้องดูก่อนเลยว่ามี ราคา ทีวีตัวไหนหรือรุ่นไหนบ้างที่เราสามารถจ่ายไหวเมื่อดูแล้วก็ค่อยเอามาเปรียบเทียบว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นตรงไหน และจุดด้อยตรงไหน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาวันนี้เราจึงจะมาบอกถึงเคล็ดลับในการเลือกซื้อ tv ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับทุก ๆ คนเอง พร้อมแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ

                        สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาในการเรื่องซื้อทีวีที่นอกเหนือจากราคา ทีวี

1.จำนวนของพิกเซล

ยิ่งมีค่าพิกเซลสูงเท่าไหร่ภาพที่ได้ยิ่งมีความละเอียดสูงและแน่นอนคะราคาโทรทัศน์ก็จะแพงขึ้นด้วย

2.Contrast Ratio

ค่านี้ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะค่า Contrast Ratio คืออัตราส่วนสีดำที่ดำที่สุดและสีขาวที่ขาวที่สุดที่ทีวีสามารถแสดงได้ ทีวีเครื่องไหนมีค่าคอนทราสต์เรโชสูง ๆ จะแสดงภาพได้ดูลึกมีมิติสมจริง

3. Response Time

ค่านี้ยิ่งต่ำมาก ๆ ยิ่งดี อย่างน้อยควรจะต่ำว่า 4ms ซึ่งค่า Response Time นี้ เป็นความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลเมื่อเปลี่ยนจากการแสดงสีดำมาเป็นสีขาว แล้วก็เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีดำอีกครั้งนึง โดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที (ms) อย่างไรก็ดีผู้ใช้อย่างเรา ๆ มักเห็นสเปคข้างกล่องที่อ้างอิงตัวเลขที่ค่อนข้างเกินจริง สาเหตุก็เป็นเพราะผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ต่างมีวิธีวัดค่า Response Time เป็นของตัวเอง ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรทดสอบด้วยตาตัวเองมากกว่าเชื่อสเปคที่เขียนไว้ข้างกล่อง

4. มีช่องต่อที่ครอบคลุม

•             ถ้าเป็นขนาด 42” ขึ้นไปควรมีช่องต่อ HDMI version 1.4  (แต่ถ้าทีวีที่เลือกซื้อเป็น UHD TV ควรจะเป็น HDMI version 2.0) อย่างน้อย ๆ 3 ช่อง

•             ช่องต่อ Component ควรจะมีอย่างน้อย 1 ชุด

•             ช่องต่อ Optical

•             ช่องต่อ AV ก็ควรจะมีนะครับถึงแม้ว่าอนาคตอาจจะไม่ได้ใช้แล้ว แต่ตอนนี้ยังคงมี่เครื่องที่ใช้สาย AV กันอยู่ใช้ไหมละครับ ดังนั้นก็ควรจะมีอย่างน้อยซัก 1 ชุด

•             ส่วนช่องต่อ USB Port ในปัจจุบันรุ่นล่าง ๆ ขนาด 32" อย่างน้อย ๆ ก็มีให้ 1 ช่องแล้ว ดังนั้นรุ่นกลางขนาด 40" ขึ้นไปควรมีอย่างน้อย 2 ช่อง

5. ขาตั้งและมุมมอง

ต้องยอมรับว่าขาตั้งของทีวีในปัจจุบันส่วนใหญ่เกือบ 80% ไม่สามารถหมุนซ้าย - ขวาได้ ก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรคิดคำนึงด้วยว่าเวลาเราใช้งานจริง มีการหมุนทีวีมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างไรก็ดีด้วยความที่เทคโนโลยีการผลิตพัฒนาไปเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อทีวีที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ในราคาที่ถูกลง ดังนั้นปัญหาเรื่องการหมุนของขาตั้งจึงแทบไม่ต้องใส่ใจ ผู้ใช้ควรมาพิจารณาถึงเรื่องมุมมองของทีวีแทน ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรลองดูมุมมองด้านข้างของทีวีด้วย ว่าให้ภาพเป็นอย่างไร สีสันเป็นอย่างไร แตกต่างจากการมองตรงกลางมากน้อยแค่ไหนด้วย

6. ดีไซน์

หากจะพูดว่าทีวีนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับเฟอร์นิเจอร์ก็คงไม่ผิดนัก เพราะทีวีเครื่องแรกมักจะถูกจัดวางอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดังนั้นการเลือกดีไซน์ของทีวีให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ก็ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง

7. ขนาดของจอภาพ

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยซื้อ LCD TV หรือ Plasma TV ไปแล้ว ใช้ไปซักพักจะเจอปัญหา "จอหด" คือทีวีที่มีอยู่ที่บ้านมันดูเล็กเหลือเกินทั้ง ๆ ที่ตอนซื้อเราก็ว่าใหญ่แล้วนะ ทางผู้เขียนแนะนำให้ซื้อขนาดที่ใหญ่ และเป็นขนาดที่ "ใหญ่แบบพอเหมาะ" มิใช่ใหญ่จนเกินไปจนสายตากวาดไม่ทั่วประหนึ่งนั่งแถวหน้าสุดในโรงหนัง หากมีระยะดูซัก 1.5-2.0 เมตรขึ้นไปก็แนะนำระดับ 40" ขึ้นไป หรือหากมีระยะรับชมซัก 3.0 เมตรก็แนะนำขนาด 50" ขึ้นไป

                 แหละทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่ควรเอาไว้ใช้ในการเลือกซื้อทีวี ยิ่งเป็น tv ดี ๆ คุณภาพสูง ๆ ราคา ทีวี นั้นก็จะยิ่งแพงไปด้วย แต่บางทีฟังก์ชั่นที่ได้มาจาก tv ถ้าบางทีเราไม่ได้ใช้งานก็ไม่ควรที่จะต้องเลือกซื้อฟังก์ชั่นที่เพอร์เฟ็กมากเกินไป เพราะจะทำให้ศูนย์เสียเงินจากตรงนั้นไปเปล่า ๆ ค่ะ

#ราคา ทีวี

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้แท่นชาร์จไร้สาย


                       ด้วยความที่ในปัจจุบันโทรศัพท์หลายรุ่นเริ่มรองรับการชาร์จแบบไร้สายมากขึ้น จึงทำให้แท่นชาร์จไร้สายกลายเป็นที่นิยม ซึ่งการที่มีแท่นชาร์จไร้สายนี้ช่วยแก้ไขปัญหาของสายชาร์จ เช่น สายหักใน ฉนวนหุ้มฉีกขาด สายระโยงระยางเกะกะอยู่บนโต๊ะ ซึ่งในการเลือกแท่นชาร์จไร้สายที่ดีควรที่จะต้องเลือกยังไงและเลือกแบบไหนบ้างนั้น เรามาดูกันเลยค่ะ แต่ก่อนอื่นเราขออธิบายเกี่ยวกับที่ชาร์จแบบไร้สายสักนิดหนึ่งนะคะ

ที่ชาร์จไร้สายมีหลักการทำงานอย่างไร

การชาร์จแบบไร้สาย หลักการคือ มีการใช้แถบอิเล็กทรอนิกส์ในการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้า ระหว่างแท่นชาร์จ และมือถือที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ถามว่าสายชาร์จล่ะ สายก็เอาไปเสียบกับแท่นชาร์จ ไฟเข้าแท่นชาร์จ แต่เราไม่ต้องเอาสายไฟเสียบตูดมือถือบนแท่นชาร์จจะมีแผ่นคอยล์ เมื่อแถบบนมือถือ (หลังเครื่อง) สัมผัสกับแท่นชาร์จ ที่เสียบไฟอยู่ ก็จะมีการเหนียวนำกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จมือถือได้ แต่นั่นก็หมายความว่า แท่นชาร์จต้องวางอย่างมั่นคง และวางมือถือให้ตัวส่งและตัวรับตรงกับแผ่นวงจรชาร์จไร้สายด้วยการชาร์จไฟแบบไร้สาย ไม่ได้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่รองรับทุกอุปกรณ์ที่ชาร์จแบบไร้สายได้ เพียงแต่ที่เราเห็นกันเยอะ ๆ ก็คือชาร์จมือถือนั่นเอง

        วิธีการเลือกแท่นชาร์จไร้สายที่ถูกต้อง

โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.Coil หลายชิ้น ข้อดีของประเภทแบบนี้ คือ พื้นที่ในการจ่ายพลังงานค่อนข้างกว้าง ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถวางมือถือหรือแท็บเล็ตบนแท่นได้หลายแนว เช่น แนวตั้งและแนวนอน ไม่ต้องวางตรงเป๊ะก็ชาร์จได้ แต่อาจจะทำให้ขนาดของแท่นชาร์จมักจะใหญ่กว่ารุ่นอื่น ๆ และมีราคาที่สูงกว่าด้วย

2.Coil เดียว แน่นอนว่าขนาดของแท่นชาร์จจะเล็กกว่าและราคาถูกกว่าแบบแรก เพราะเพื่อน ๆ ต้องวางมือถือให้ตรงแนว Coil เท่านั้นไม่เช่นนั้นอาจไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้

เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันจัดการกับความร้อนขณะที่ชาร์จได้

อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอเหตุการณ์ “เครื่องร้อนตอนชาร์จแบตเตอรี่ยิ่งถ้าชาร์จด้วยแท่นชาร์จที่ทำงานด้วยระบบ Qi ยิ่งต้องใส่ใจมากขึ้นเลยค่ะ เพราะกระบวนการการเหนี่ยวนำกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งไวต่อแบตเตอรี่ โดยเฉพาะชนิด Lithium-ion จนอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงเร็วขึ้น มีรายงานว่าเกิดกรณีที่ถึงขั้นตัวชาร์จหลอมละลาย ทำให้มือถือด้านนอกเสียหายไปด้วย เราจึงควรเลือกซื้อรุ่นที่มีฟังก์ชันตัดกระแสไฟฟ้าทันทีที่ตรวจจับอุณหภูมิได้สูงกว่าปกติได้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

                      จบไปแล้วสำหรับวิธีเลือกแท่นชาร์จไร้สายที่น่าสนใจ ส่วนจะเลือกแบรนด์อะไรกันบ้างก็แล้วแต่ความชอบของคุณ แต่เราขอแนะนำให้เลือกราคาที่สมเหตุสมผล แบรนด์น่าเชื่อถือ และของแท้มีคุณภาพมีใบรับประกันด้วยก็ยิ่งดีค่ะ 

#แท่นชาร์จไร้สาย

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วิธีในการเลือกหน้าจอคอมเล่นเกมที่จะทำให้เราได้หน้าจอที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการใช้งานที่สุด



           สำหรับคนที่ชอบเล่นเกมแล้วจะให้ความสำคัญไปกับหน้าจอคอมเล่นเกมเยอะมาก เพราะรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าถ้าเป็นเกมที่ใช้ความเร็วในการแสดงภาพสูงถ้าเลือกใช้หน้าจอเล่นเกมที่ไม่ได้คุณภาพมันจะทำให้ภาพที่ได้สะดุดหรือไม่ต่อเนื่องทำให้หงุดหงิดในตอนที่เล่นได้ จากที่จะต้องการความสนุกในการเล่นเกมกลายเป็นอารมณ์เสียแทน ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะละเลยในการเลือกหน้าจอเล่นเกม ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีในการเลือกหน้าจอเล่นเกมง่าย ๆ เอามาฝากด้วย มาดูกันเลย

                      วิธีในการเลือกหน้าจอคอมเล่นเกมที่จะทำให้เราได้หน้าจอที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการใช้งานที่สุด

1.ขนาดของจอภาพ

จอภาพที่มีขนาดใหญ่ย่อมใช้งานได้ดีกว่า แต่สำหรับเหล่าเกมเมอร์มืออาชีพแล้ว จะนิยมใช้ขนาดหน้าจอระหว่าง 21 - 24 นิ้วเท่านั้น สำหรับการเล่นเกมและให้ความสำคัญกับเฟรมเรท แต่ถ้าจอคอมเกมมิ่งมีขนาดที่ใหญ่และเฟรมเรทสูง อาจจะทำให้ผู้เล่นไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมประเภท รถแข่งหรือ MMORPG จอขนาดใหญ่จะทำให้ผู้เล่นสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับ CG ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า

2.เลือกความละเอียดที่ดีที่สุด คือ Full HD หรือสูงกว่านั้น

ความละเอียดควรอยู่ที่ Full HD ซึ่ง Full HD คือ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ถือเป็นความละเอียดมาตรฐานในการใช้งานไป แต่ก็ยังมีจอที่มีลักษณะเป็นแนวนอนหรือยาวออกไปด้านข้าง จอคอมเกมมิ่งประเภทนี้มักจะมีความละเอียดอยู่ที่ 2K หรือ 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งสูงกว่า Full HD นอกจากนี้ ยังมีจอคอมเกมมิ่งคุณภาพสูงอีกประเภท คือ ความละเอียดระดับ 4K หรือ 3840 x 2160 พิกเซล

3.อัตราการรีเฟรชเรทขึ้นอยู่กับเนื้อหาของเกม

อัตราการรีเฟรชเรท (Refresh Rate) ยังคงเป็นจุดสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจ แม้ว่าคุณจะเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีอัตราการรีเฟรชที่สูง แต่นั่นก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะบางเกมมีการแสดงผลได้สูงสุดแค่ 60 เฟรมเรท ถ้าคุณเลือกใช้จอ 144Hz อาจจะเกิดภาพฉีกขาดหรือเป็นเส้นในระหว่างการแสดงผลได้ เพราะตัวเกมจะไม่รองรับอัตรารีเฟรชเรทของหน้าจอนั้น จึงขอแนะนำว่าควรเลือกให้เหมาะสมกับเกมที่คุณเล่นด้วย

4.ความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลควรเลือก 1ms

จอคอมเกมมิ่งส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพที่สูงอยู่แล้ว ซึ่งความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1ms เพื่อให้เร็วพอต่อการร้องขอการแสดงภาพของเกม หากคุณเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีการตอบสนองช้า อาจจะทำให้เกิดภาพกระตุกหรือภาพค้างได้ อย่างไรก็ตาม ยิ่งตัวเลขของอัตราการตอบสนองน้อย ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพที่สูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ราคาก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

5.เลือกรุ่นที่มีโหมดสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ

ถ้าคุณเลือกจอคอมเกมมิ่งที่มีโหมดการใช้งานเฉพาะ เช่น เกม Visual ก็จะเป็นตัวช่วยในการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการเล่น ทำให้การเล่นเกมของคุณนั้นง่ายขึ้นและมีความสมจริงมากยิ่งขึ้นด้วย โดยโหมดหลัก ๆ ทั่วไปที่มีอยู่ก็คือ โหมด FPS หรือเกมแนวแอ็กชั่น, โหมดต่อสู้  หรือโหมดเกมกีฬา เป็นต้น นอกจากนี้ จอคอมเกมมิ่งบางรุ่นจะมีโหมดที่เรียกว่า NVIDIA 3D Vision เพื่อช่วยเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกมประเภทกราฟิก หรือ 3D ราคาก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่รับรองได้ว่าคุณได้สัมผัสกับโลกแห่งเกมอย่างสมจริงอย่างแน่นอน

6.ตรวจสอบประเภทและจำนวนของพอร์ตการเชื่อมต่อ

นอกเหนือจากพอร์ตสำคัญอย่าง HDMI และ DVI แล้ว ยังมีพอร์ตอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นในการใช้งานอีกมากมาย อย่างเช่น Display Port, USB เป็นต้น บางจอที่มีจำนวนพอร์ตเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย แต่อาจจะไม่จำเป็นในการใช้งานสำหรับคุณก็ได้ เพราะฉะนั้น ขอแนะนำให้ดูตามความต้องการของคุณว่า พอร์ตอะไรที่จำเป็นต่อการใช้งานของคุณบ้าง

                  หากคุณไม่อยากพลาดความสนุกในการเล่นเกม คุณควรเลือกซื้อหน้าจอคอมเล่นเกมที่มีองค์ประกอบตามด้านบนที่เราเอามาฝากนี้เป็นหลัก และดูถึงความต้องการใช้งานหลักของตนเองควบคู่ไปด้วย รับรองว่าคุณจะได้รับจอเล่นเกมที่ตรงกับความต้องการใช้งานของคุณได้เป็นอย่างดีและจะได้รับประสบการณ์ในการเล่นเกมเต็มที่แน่นอน

#จอคอมเล่นเกม