เป็นเหมือนกันไหมค่ะ
ว่าเวลาจะเลือกซื้อของอะไรนั้น เรามักจะมองเรื่องราคาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยทำการเปรียบเทียบข้อดี
ข้อเสียของสินค้า อย่างเช่นถ้าอยากจะซื้อทีวี ก็จะต้องดูก่อนเลยว่ามี ราคา ทีวีตัวไหนหรือรุ่นไหนบ้างที่เราสามารถจ่ายไหวเมื่อดูแล้วก็ค่อยเอามาเปรียบเทียบว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นตรงไหน
และจุดด้อยตรงไหน
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาวันนี้เราจึงจะมาบอกถึงเคล็ดลับในการเลือกซื้อ tv
ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับทุก ๆ คนเอง พร้อมแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ
สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาในการเรื่องซื้อทีวีที่นอกเหนือจากราคา
ทีวี
1.จำนวนของพิกเซล
ยิ่งมีค่าพิกเซลสูงเท่าไหร่ภาพที่ได้ยิ่งมีความละเอียดสูงและแน่นอนคะราคาโทรทัศน์ก็จะแพงขึ้นด้วย
2.Contrast Ratio
ค่านี้ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะค่า Contrast
Ratio คืออัตราส่วนสีดำที่ดำที่สุดและสีขาวที่ขาวที่สุดที่ทีวีสามารถแสดงได้
ทีวีเครื่องไหนมีค่าคอนทราสต์เรโชสูง ๆ จะแสดงภาพได้ดูลึกมีมิติสมจริง
3. Response Time
ค่านี้ยิ่งต่ำมาก ๆ ยิ่งดี
อย่างน้อยควรจะต่ำว่า 4ms ซึ่งค่า Response Time นี้
เป็นความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลเมื่อเปลี่ยนจากการแสดงสีดำมาเป็นสีขาว
แล้วก็เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีดำอีกครั้งนึง โดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที (ms)
อย่างไรก็ดีผู้ใช้อย่างเรา ๆ
มักเห็นสเปคข้างกล่องที่อ้างอิงตัวเลขที่ค่อนข้างเกินจริง
สาเหตุก็เป็นเพราะผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ต่างมีวิธีวัดค่า Response Time เป็นของตัวเอง
ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรทดสอบด้วยตาตัวเองมากกว่าเชื่อสเปคที่เขียนไว้ข้างกล่อง
4. มีช่องต่อที่ครอบคลุม
• ถ้าเป็นขนาด
42” ขึ้นไปควรมีช่องต่อ HDMI version
1.4 (แต่ถ้าทีวีที่เลือกซื้อเป็น UHD
TV ควรจะเป็น HDMI version 2.0) อย่างน้อย ๆ 3
ช่อง
• ช่องต่อ
Component ควรจะมีอย่างน้อย 1
ชุด
• ช่องต่อ
Optical
• ช่องต่อ
AV ก็ควรจะมีนะครับถึงแม้ว่าอนาคตอาจจะไม่ได้ใช้แล้ว
แต่ตอนนี้ยังคงมี่เครื่องที่ใช้สาย AV กันอยู่ใช้ไหมละครับ
ดังนั้นก็ควรจะมีอย่างน้อยซัก 1 ชุด
• ส่วนช่องต่อ
USB Port ในปัจจุบันรุ่นล่าง ๆ ขนาด 32" อย่างน้อย
ๆ ก็มีให้ 1 ช่องแล้ว ดังนั้นรุ่นกลางขนาด 40"
ขึ้นไปควรมีอย่างน้อย 2 ช่อง
5. ขาตั้งและมุมมอง
ต้องยอมรับว่าขาตั้งของทีวีในปัจจุบันส่วนใหญ่เกือบ
80% ไม่สามารถหมุนซ้าย - ขวาได้
ก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรคิดคำนึงด้วยว่าเวลาเราใช้งานจริง
มีการหมุนทีวีมากน้อยแค่ไหน
แต่อย่างไรก็ดีด้วยความที่เทคโนโลยีการผลิตพัฒนาไปเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อทีวีที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ในราคาที่ถูกลง
ดังนั้นปัญหาเรื่องการหมุนของขาตั้งจึงแทบไม่ต้องใส่ใจ
ผู้ใช้ควรมาพิจารณาถึงเรื่องมุมมองของทีวีแทน
ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรลองดูมุมมองด้านข้างของทีวีด้วย ว่าให้ภาพเป็นอย่างไร
สีสันเป็นอย่างไร แตกต่างจากการมองตรงกลางมากน้อยแค่ไหนด้วย
6. ดีไซน์
หากจะพูดว่าทีวีนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับเฟอร์นิเจอร์ก็คงไม่ผิดนัก
เพราะทีวีเครื่องแรกมักจะถูกจัดวางอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
ดังนั้นการเลือกดีไซน์ของทีวีให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ก็ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
7. ขนาดของจอภาพ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยซื้อ LCD TV หรือ
Plasma TV ไปแล้ว ใช้ไปซักพักจะเจอปัญหา "จอหด"
คือทีวีที่มีอยู่ที่บ้านมันดูเล็กเหลือเกินทั้ง ๆ ที่ตอนซื้อเราก็ว่าใหญ่แล้วนะ
ทางผู้เขียนแนะนำให้ซื้อขนาดที่ใหญ่ และเป็นขนาดที่ "ใหญ่แบบพอเหมาะ"
มิใช่ใหญ่จนเกินไปจนสายตากวาดไม่ทั่วประหนึ่งนั่งแถวหน้าสุดในโรงหนัง
หากมีระยะดูซัก 1.5-2.0 เมตรขึ้นไปก็แนะนำระดับ 40" ขึ้นไป
หรือหากมีระยะรับชมซัก 3.0 เมตรก็แนะนำขนาด 50" ขึ้นไป
แหละทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่ควรเอาไว้ใช้ในการเลือกซื้อทีวี
ยิ่งเป็น tv ดี
ๆ คุณภาพสูง ๆ ราคา ทีวี นั้นก็จะยิ่งแพงไปด้วย
แต่บางทีฟังก์ชั่นที่ได้มาจาก tv ถ้าบางทีเราไม่ได้ใช้งานก็ไม่ควรที่จะต้องเลือกซื้อฟังก์ชั่นที่เพอร์เฟ็กมากเกินไป
เพราะจะทำให้ศูนย์เสียเงินจากตรงนั้นไปเปล่า ๆ ค่ะ
#ราคา ทีวี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น